ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศส
นับได้ว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์
และเป็นประเทศผู้นำอันดับหนึ่งในการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์
โดยมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าประมาณ 80% โดยดำเนินการตามนโยบายด้านพลังงานอย่างมั่นคงมาตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งแรกในปี
พ.ศ. 2516
ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(Geo-Informatics and
Space Technology Development Agency-GISTDA) กับบริษัท EADS-ASTRIUM ของฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2547 สำหรับความร่วมมือในโครงการดาวเทียมสำรวจทรัพยากร (Thailand Earth
Observation Satellite – THEOS) ซึ่งการจัดซื้อดาวเทียมดังกล่าวกระทำในลักษณะการค้าต่างตอบแทน
(barter trade) มีมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ดาวเทียม THEOS ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานชื่อภาษาไทย ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2554 ว่า “ดาวเทียมไทยโชต” เป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงแรกของไทยและจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับประเทศไทยในหลายด้าน
โดยเฉพาะการจัดการด้านระบบเตือนภัยพิบัติ การแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติด
และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยได้มีการส่งดาวเทียม THEOS ขึ้นสู่วงโคจรเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 (มีอายุใช้งาน 7 ปี)
นับตั้งแต่ปี 2553 มีการจัดทำข้อตกลง/โครงการความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับฝ่ายฝรั่งเศส
จำนวน 18 โครงการ อาทิ
ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ด้านอวกาศ
ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ด้านชีววิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
โครงการวิจัยร่วมและการแลกเปลี่ยนบุคคลากร การให้ทุนฝึกอบรมต่างๆ
ความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม
ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมไทย-ฝรั่งเศส
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมีการแลกเปลี่ยนการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมระหว่างกัน
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจและความใกล้ชิดระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
โดยฝ่ายฝรั่งเศสได้ริเริ่มจัดงานเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย (La Fête) ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2547 และได้จัดต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส
ยังได้จัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดนิทรรศการศิลปะสมัยทวาราวดีที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติด้านศิลปะเอเชียกีเม่
(Musée Guimet) ที่กรุงปารีส ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการฯ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2552 การจัดงาน “วันประเทศไทย” ในเมืองสำคัญต่าง
ๆ ของฝรั่งเศส การจัดงานสุดสัปดาห์ไทยระหว่างวันที่ 21-22 มกราคม 2555 ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีส ได้ร่วมกับพระราชวัง Fontainebleau และการจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปี พระราชสมภพของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ สำนักงานใหญ่ของ UNESCO กรุงปารีส ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
การดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะด้วยการเรียนรู้วัฒนธรรมของฝรั่งเศส
คุณทราบหรือไม่ว่าประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก
เนื่องจากภูมิประเทศที่สวยงามและหลากหลาย ระบบการคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบายและทันสมัย
และการให้ความสำคัญด้านการบริการด้านสุขภาพ
สถาบันการศึกษาของฝรั่งเศสมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง
จึงสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบาย
รายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมและศูนย์วัฒนธรรมฝรั่งเศส เช่น ร้านขายหนังสือ ห้องสมุด
โรงภาพยนตร์ โรงละคร หรือร้านกาแฟแบบฝรั่งเศสเป็นต้น
ในประเทศฝรั่งเศสคุณสามารถเข้าถึงความหลากหลายของวัฒนธรรม
สันทนาการและการกีฬา
สิ่งนี้ทำให้ชีวิตนักศึกษาในประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบการดูแลสุขภาพตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด
เมื่อลงทะเบียนเรียนในสถาบันการศึกษาของฝรั่งเศส
นักเรียนต่างชาติจะได้รับสิทธิ์ประกันสุขภาพแห่งชาติที่มีราคาไม่แพงแต่มีประสิทธิภาพสูง
อายุเฉลี่ยของคนฝรั่งเศสถือได้ว่าสูงที่สุดในโลก
คือ 77 ปีสำหรับผู้ชายและ 84 ปีสำหรับผู้หญิง
ในส่วนของเวลาการทำงานต่อสัปดาห์ตามที่กฎหมายกำหนด
คือ 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
และสามารถหยุดพักร้อนได้ถึง 5 สัปดาห์ต่อปี
ฝรั่งเศสเป็นเมืองแห่งมรดกโลก
ปารีสเป็นสถานที่ชั้นนำของโลกสำหรับการท่องเที่ยว และงานแสดงสินค้านานาชาติ
หอไอเฟลและดิสนีย์แลนด์ถือเป็นที่ที่มีคนทั่วโลกเข้าชมมากที่สุด
และเหตุที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป มีพรมแดนธรรมชาติติดกับ 9 ประเทศ สนามบิน Charles-de-Gaulle จึงเป็นสนามบินที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับ 2 ของยุโรปและเป็นอันดับ 6 ของโลก มีเส้นทางถนนที่เชื่อมโยงกัน
มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ในฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป
(รวมทั้งลอนดอน, อัมสเตอร์ดัมและเจนีวา)
สามารถเดินทางไปยัง 22 ประเทศโดยใช้วีซ่าเชงเก้น
ใช้เงินยูโรเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรปอีก 15 ประเทศ จึงมีความสะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียง
อาหารการกินที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส
ขนมปัง ถือว่าเป็นอาหารการกินหลักของคนฝรั่งเศส
ขนมปังฝรั่งเศสมีหลากหลายชนิดมาก
แต่ชนิดที่นำมากินแทนข้าวก็จะเป็นขนมปังเป็นแท่งยาวๆ และขนมปังเป็นก้อนกลมๆ
เวลานำมาทานคนฝรั่งเศสก็จะเอามีด มาตัดขนมปังเป็นชิ้นๆ หรือเป็นแผ่น
เวลาจะกินก็นจะเอาขนมปังมาทาชีสต์สด หรือเมืองไทยเราเรียกว่าเนยสด
จากนั้นก็สามารถเอามากินกับอาหารคาวประเภท ไส้กรอก แฮม หรือเนยแข็ง
หรือกินได้กับอาหารทั่วไป พูดถึงเนยแข็งที่ฝรั่งเศสมีมากมายหลายชนิดมากกว่า 340 ชนิด มีชนิดเหม็นน้อยไปจนเหม็นมากๆ
แต่คนฝรั่งเศสก็บอกว่าอร่อย เนยแข็งของคนฝรั่งเศสก็คงจะคล้ายกับสารพัดน้ำพริกบ้านเรานั่นเอง
สิ่งสำคัญของอาหารเช้าแบบฝรั่งเศส
คือ
ขนมปังสดจากเตาที่มากด้วยความอร่อย เป็นขนมปังที่สดมากๆจากเตา
ไม่ว่าจะเป็นขนมปังก้อนแบบยาว ขนมปังที่ผสมไข่ ยีสต์และเนย
หรือขนมปังตระกูลครัวซองค์ทั้งหลาย หากไม่ได้อบไว้ในตอนเช้า
ก็จะไม่มีทางได้ขึ้นโต๊ะอาหารเช้าแบบ Gallic แน่นอน เด็กๆ มักจะชอบครัวซองค์สอดใส้ช็อกโกแลต
หรือครัวซองค์สอดใส้ลูกเกด
ขนมปังฝรั่งเศสนั้นมีความอร่อยในตัวที่สามารถทานแบบไม่ต้องทาอะไรเลยก็ได้
แต่ชาวฝรั่งเศสมักจะชอบทาหน้าขนมปังเล็กน้อยด้วยสิ่งที่ชอบในมื้อเช้าของวัน เนย
และแยมสตอเบอรรี่หรือแอพริคอท
เป็นสิ่งที่โปรดปรานมากสำหรับการทานกับขนมปังก้อนแบบยาว
อีกรูปแบบหนึ่งของครัวซองค์มักจะทานคู่กับแยม หรือไม่ก็จุ่มลงในแก้วกาแฟอุ่นๆ
สักแก้วในช่วงเช้าของวัน
ไวน์ของประเทศฝรั่งเศสนั้นเป็นที่นิยมมาก
ซึ่งได้มีการจัดให้เป็นไวน์ที่มีรสชาติดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ในฝรั่งเศสมีแหล่งผลิตไวน์อยู่ทั่วประเทศ
ซึ่งมีการผลิตไวน์มากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจากประเทศสเปนเท่านั้น
ไวน์ที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ดื่มเอง ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน
แต่โดยการแนะนำของผู้คนจำนวนมากแล้ว ไวน์จากประเทศฝรั่งเศสเป็นถิ่นกำเนิดไวน์ชั้นเยี่ยม
อาทิ แชมเปญ บอร์โดซ์ เบอร์กันดี
และไม่มีประทศใดในโลกที่สามารถผลิตไวน์ได้หลากหลายชนิดเท่าฝรั่งเศส
ไวน์เป็นสัญญลักษณ์เฉพาะของงานเลี้ยง
วิธีการและขั้นตอนในการดื่มไวน์จะเป็นตัวช่วยเพิ่มคุณค่าและรสชาติที่ดีของไวน์ได้
การชิมไวน์ของฝรั่งเศสนั้นเนื่องจากเขตพื้นที่ที่มีการปลูกองุ่นในประเทศฝรั่งเศสครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล
จากเหนือจรดใต้ จากตะวันออกจรดตะวันตก
ระยะห่างนี้ก่อให้เกิดความแตกต่างระหว่างเขตพื้นที่
ซึ่งมีผลต่อลักษณะของดินที่ใช้ปลูกองุ่น ทิศทางที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์และภูมิอากาศ
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดไวน์ที่ได้จากเขตเพาะปลูกองุ่น
จึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่ต่างกันออกไป
ประเทศฝรั่งเศสให้ผลผลิตไวน์นานาชนิดแก่นักชิมไวน์ทั้งหลายกว่า 400 ชนิด และแว็งเดอเปยี อีกมากมายหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งมีสีสัน
รสชาด และลักษณะเฉพาะตัวให้เลือกตามรสนิยม และความพอใจอย่างเหลือเฟือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น