ปังและเหล้าองุ่น (Bread and Wine)
ปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์สากลของสิ่งที่นำชีวิตให้แก่เรา
คือ อาหารและเครื่องดื่ม
ผู้ประพันธ์บทสดุดีขอบพระคุณพระเจ้าที่สนองความต้องการของมนุษยชาติ : “พระองค์ทรงให้หญ้างอกมาเพื่อสัตว์เลี้ยงและผักให้มนุษย์ได้ดูแล
เพื่อเขาจะทำให้เกิดอาหารจากแผ่นดิน และเหล้าองุ่น ซึ่งให้ใจมนุษย์ยินดี” (สดด.104.14-15)
ดังนั้นพระคริสตเจ้าได้ทรงเลือกส่วนประกอบพื้นๆ
ที่สุด ให้เป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระหรรษทานของพระองค์
คริสตชนเลี้ยงดูตัวเขาเองด้วยปังและเหล้าองุ่นซึ่งกลายเป็นพระกายและพระโลหิตขององค์พระเยซู
ขณะที่พระศาสนจักรคาทอลิกและคริสตจักรออธอร์ดอกซ์สนใจการแปลงสารที่เกิดขึ้นจริงขณะเสกศีล
คริสตจักรแองกลิกันและคริสตจักรลูเธอร์แรนรับความเชื่อนี้ด้วย (ความหมายที่กว้างที่สุด)
ของพระคริสตเจ้า และพระเยซูไม่ได้ประทับอยู่ในแผ่นปังนั้นจริง
เราเห็นได้ชัดเจนว่าการแยกระหว่างพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
เป็นสัญลักษณ์ถึงการสิ้นพระชนม์บนกางเขน การประทับอยู่จริง
เป็นพยานถึงการรื้อฟื้นการถวายบูชาของศีลมหาสนิทที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้นในระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
พระองค์ประทานพระกายและพระโลหิตเป็นอาหารเลี้ยงดูสัตบุรุษตามพระดำรัสของพระคริสตเจ้าที่ว่า
“ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิตนิรันดร
เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้
ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา
พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด
ผู้ที่กินเนื้อของเรา จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น” (ยน 6:54-57)
ใครที่รับศีลมหาสนิทก็จะได้รับชีวิตของพระเยซูโดยอาศัยพระบิดาและดังนั้นโดยอาศัยธรรมล้ำลึกแห่งพระตรีเอกภาพที่รวมความรักพระบิดา
พระบุตรและพระจิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เราได้รับเชิญให้ร่วม “โต๊ะศักดิ์สิทธิ์” และได้รับการต้อนรับในฐานะการรับเชิญให้ร่วมชีวิตของพระเยซูที่ทรงเป็น
พระบุตรซึ่งทรงเป็นพระบุคคลที่สำคัญในพระตรีเอกภาพ
แผ่นปังทำศีลมหาสนิทประกอบด้วยขนมปังแผ่นบางไร้เชื้อ
(ยีสต์) เรียกว่า แผ่นศีล คำนี้เชื่อมโยงระหว่างศีลมหาสนิทกับเครื่องบูชา
เพราะคำในภาษาลาติน คือ hostia
หมายถึง เหยื่อบูชายัญ
และนี่เป็นเครื่องหมายที่นักบุญเปาโลใช้ เพื่อกล่าวถึงพระคริสตเจ้า (1)
ขนมปังไร้เชื้อเป็นขนมปังชนิดเดียวที่จารีตของชาวยิวอนุญาตให้ใช้ในงานเลี้ยงปัสกา
(2) เพราะฉะนั้นพระเยซูเจ้าทรงเสกในมื้ออาหารค่ำสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไม่อนุญาตให้เสกขนมปังธรรมดา
ผิดกับพระศาสนจักรออธอร์ดอกซ์ที่เฉลิมฉลองศีลมหาสนิทด้วยขนมปังใส่เชื้อ
มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับธรรมเนียมที่แตกต่างออกไป โชคดีที่พ้นความขมขื่นในช่วง 2
ศตวรรษที่ผ่านมาได้
ในพระศาสนจักรตะวันตก
มีความแตกต่างเรื่องขนาดของแผ่นศีล คือ
แผ่นเล็กสำหรับแจกสัตบุรุษสะดวกในการแจกและรับ และแผ่นใหญ่สำหรับพระสงฆ์
เพื่อจะเห็นแผ่นศีลง่ายเมื่อชูขึ้นหลังจากการเสก
ปัจจุบันนี้มีการผลิตแผ่นศีลให้หนาขึ้นและใส่สีให้เห็นเป็นสีทองมากกว่าสีขาวเวลาอบแผ่นปัง
ตอนต้นของมิสซา
พระสงฆ์วางแผ่นศีลที่ได้รับการเสกบนจานรองแผ่นศีล
(มาจากภาษาละติน patena
“จานก้นตื้น”) มีลักษณะเป็นจานกลม โค้งออกข้างนอก
และทำด้วยโลหะที่มีค่าเช่นทองหรือเงิน
ส่วนใหญ่เป็นผลงานชิ้นเอกของช่างทองเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ ผอบศีล (Ciborium) (จากคำกรีก kiborion
“ผลของดอกบัว” เพราะผอบศีลมีลักษณะคล้ายผลไม้ประเภทนี้)
สำหรับวางแผ่นศีลเพื่อแจกประชาสัตบุรุษ ผอบศีลมีลักษณะเป็นถ้วยครึ่งทรงกลม
มีฝาปิดซึ่งส่วนใหญ่มีกางเขนประดับบนฝา เมื่อมิสซาจบ จะนำผอบศีลไปเก็บไว้ในตู้ศีล
เพื่อเก็บ “ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่สำรองไว้” คือ
แผ่นศีลที่เสกแล้วเหลือจากการแจกสัตบุรุษ จะมีผ้าคลุมผอบศีล “ Canopy” ซึ่งเป็นผ้าที่มีลักษณะกลม
ระหว่างการนมัสการศีลมหาสนิท
แผ่นศีลที่เสกแล้วจะตั้งแสดงให้สัตบุรุษแสดงคารวกิจในรัศมี (monstrance มาจากคำละติน monstrare แปลว่า “แสดงให้เห็น”) ประกอบด้วยแผ่นเงินหรือแผ่นทองประดับลวดลายที่เป็นจุดสำคัญของศิลปะตรงกลางเป็นฐานวงกลม
(ดวงจันทร์ขนาดเล็ก) ประดับด้วยแผ่นกระจก 2 แผ่น สำหรับวางแผ่นศีล
รัศมีจะมีลวดลายเหมือนดวงอาทิตย์เรืองแสงรอบศีลศักดิ์สิทธิ์
ถ้าไม่ตั้งแสดงศีลศักดิ์สิทธิ์ให้สัตบุรุษนมัสการ
ก็จะเก็บแผ่นศีลไว้ในตู้ศีลในกล่องโลหะที่เรียกว่า กล่องเก็บศีล (มาจากคำละตินว่า Custodire แปลว่า “เก็บ” หรือ pyx
(มาจากคำว่า pyxis แปลว่า “กล่อง”) กล่องนี้เป็นชื่อของกล่องกลมที่ใช้เก็บศีลมหาสนิทสำหรับไปส่งศีลให้คนป่วย
กฎหมายของพระศาสนจักร
ได้อธิบายเกี่ยวกับเหล้าองุ่นที่ใช้ในบูชามิสซา “เหล้าองุ่นต้องมีลักษณะธรรมชาติ ทำจากผลองุ่นของต้นองุ่น
และไม่เน่าเปื่อย” (กฎหมายพระศาสนจักรข้อ 924) ดังนั้น ต้องเป็นการหมักน้ำองุ่นบริสุทธิ์
ระหว่างมื้ออาหารค่ำสุดท้าย พระเยซูทรงแปลงสาร “ผลของต้นองุ่น” เป็นพระโลหิตในตอนท้ายของการรับประทานอาหาร
มื้ออาหารปัสกาตามธรรมเนียมแล้วประกอบด้วยถ้วยใส่เหล้าองุ่น 4 ใบ และเป็นถ้วยที่ 4
เรียกว่า ฮัลเลล Hallel
(คำสรรเสริญสดุดีในบทสดุดีที่ 114-117)
ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงใช้ในขณะกล่าวบทเสกศีล (3)
เมื่อย้อนเวลาไปถึงช่วงพันธสัญญาเดิม
เหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์พื้นฐานหนึ่งของงานเลี้ยงฉลองพระเมสสิยาห์ (พระผู้ไถ่)
ตามคำกล่าวของประกาศกอิสยาห์ที่ว่า “เหล้าองุ่นกรองอย่างดี”(อสย.25.6) การถวายบูชาขอบพระคุณและ
ศีลมหาสนิททำให้มื้ออาหารค่ำสุดท้ายและการพลีบูชาที่เนินเขากัลวารีโอเป็นจริง
สำหรับเรา โดยทำให้สัตบุรุษได้ชิมลางล่วงหน้าถึงงานฉลองพระอาณาจักรที่จะมาถึง
เพราะโดยทั่วไปการเสกศีลระหว่างมิสซา
พระศาสนจักรโรมันใช้เหล้าองุ่นขาวเพื่อที่จะไม่เปื้อนอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์
เพราะเหล้าที่หกจะติดเนื้อผ้า ประธานในพิธีจะรินเหล้าองุ่นลงในจอกกาลิกส์ (มาจาก
คำกรีกว่า kylix, ภาษาละติน คือ calix แปลว่า “ถ้วยสำหรับดื่ม”) ที่ทำด้วยทองเนื้อดี
ลวดลายของจอกกาลิกส์เปลี่ยนไปตามยุคสมัยต่างๆ ปกติประดับด้วยเครื่องหมายของศีลศักดิ์สิทธิ์หรือข้อความจากพระคัมภีร์
เวลาผลิต
จะใช้รูปปังและเหล้าองุ่นเป็นเครื่องหมายของความเป็นหนึ่งเดียวของประชาสัตบุรุษที่รับศีลศักดิ์สิทธิ์
มีการอธิบายข้อเท็จจริงดังกล่าวในตำราของคริสต์ศาสนาเริ่มแรก ชื่อ ดีดาเค Didache หรือ “คำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับคนต่างศาสนา” ซึ่งนับย้อนไปตอนปลายคริสต์ศตวรรษแรก “ขณะปังที่ถูกบินี้
ซึ่งครั้งหนึ่งเมล็ดของมันได้รับการหว่านไปทั่วเนินเขา
ถูกนำมารวมกันถวายเป็นปังก้อนเดียว
ขอให้พระศาสนจักรของพระองค์ได้รับการรวมเข้าด้วยกัน จากปลายแผ่นดินโลกสู่อาณาจักรของพระองค์
เช่นเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่า องุ่นจำนวนมหาศาลถูกคั้นด้วยกัน
กลายเป็นเหล้าองุ่นเดียว ดังนั้น สัตบุรุษจึงได้บิปังและดื่มถ้วยแห่งความรอด
ในอีกแง่หนึ่ง การรับประทานปังของพระคริสต์และดื่มโลหิตของพระองค์
ก็จะเติบโตเป็นสมาชิกที่มีวุฒิภาวะของพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า (4)
ซึ่งเป็นพระศาสนจักรของพระองค์
เมื่อเรากล่าวถึงศีลมหาสนิท
เราควรกล่าวอ้างถึงธรรมเนียมที่กลับมีชีวิตชีวาอีก
บทภาวนาอวยพรตอนเริ่มรับประทานอาหาร
และวอนขอพระหรรษทานในตอนท้ายของการรับประทานอาหาร นี่เป็นจารีตของชาวยิวด้วย
มาจากคำอวยพรหรือ berakoth
ที่หมายถึง ช่วงเวลาต่างๆของวัน
พิธีของครอบครัวที่เป็นบทอวยพรในมื้ออาหารที่เรียกว่า Birkat-her-Mazon มีความสำคัญมาก “ขอถวายพระพร องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระราชาแห่งจักรวาล พระองค์ทรงเลี้ยงโลกจากพระเมตตากรุณา ความอ่อนโยน
พระหรรษทานและทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งดี” ระหว่างภาคถวายในมิสซาของคาทอลิก มีบทสวดภาวนา
2 บท เกี่ยวกับปังและเหล้าองุ่น เป็นพระพร ถึงแม้พระพรของมื้ออาหารเป็นพื้นฐาน
ของศีลมหาสนิทของคริสตชนที่มีความลึกซึ้งกว่าก็ตาม
คริสตชนต้องรักษาประโยชน์ที่พระเจ้าประทานความรักที่ถาวรลงภายในจิตใจของตน
และขอบพระคุณพระองค์เสมอ ถึงแม้ว่าหนทางที่พระองค์โปรดให้เราเดินตามนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากก็ตาม
(ซึ่งความจริง เป็นความหมายดั้งเดิมของคำว่า “ศีลมหาสนิท”) ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า ตามที่นักบุญเปาโลได้กล่าวว่า
พระหรรษทานมาถึงเราโดยอาศัยพระเยซู “ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า
พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
พระองค์ทรงอวยพระพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการ
ของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า” (อฟ 1:3)
คริสตชนจะเคารพต่อปังและต่อสิ่งที่มีความหมายในพระศาสนจักร
ศีลมหาสนิทสามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้
เป็นธรรมเนียมของคริสตชนที่ไม่ทิ้งเศษของแผ่นปัง และก่อนจะตัดขนมปัง
ต้องทำเครื่องหมายกางเขนที่ขนมปังก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น