วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560

วัน D-Day

D-Day คืออะไร
D-Day ตัว D แรก ย่อมาจากคำว่า Deliverance (ดีลิเวอแรนซ์) แปลว่าการมอบคืน ส่งคืน การปลดปล่อย
เมื่อใช้กับคำว่าเดย์ ก็หมายถึงวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรมอบอิสรภาพและเอกราชคืนแก่ประเทศที่ถูกเยอรมนียึดครองในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ถ้าจะจำให้ง่ายๆเข้าอีกนิด นึกถึงฉากเปิดหนังของภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan ก็แล้วกัน
ดีเดย์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ.1944 เมื่อกองทัพอเมริกันและสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกที่ชายฝั่งนอร์มังดีของฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญมากของสงครามตอนนั้น
เพราะหากสัมพันธมิตรตีคืนนอร์มังดี ซึ่งกองทหารเยอรมันที่ยึดไว้ได้เมื่อไร นั่นหมายถึงว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะเข้าบุกไล่กองทัพเยอรมนีให้ถอยร่นออกไปได้
การยกพลในวันนั้นนับเป็นการยกพลครั้งใหญ่ที่สุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในที่สุดก็ลงเอยด้วยความปราชัยของฝ่ายเยอรมนี
ทางฝ่ายสัมพันธมิตรจึงเรียกวันประวัติศาสตร์นั้นว่า "ดี-เดย์"
โดยหลังจากนั้น ฝ่ายสัมพันธมิตรก็มีกำลังใจฮึกเหิมมาก และทิ้งบอมบ์ทัพเยอรมนีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งชนะสงครามในปี 1945
ส่วนคำที่คล้ายๆกันได้แก่ May Day "เมย์ เดย์" ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็น "วันแรงงาน" ของผู้ใช้แรงงานทั่วโลก ส่วนที่อเมริกา แคนาดาและยุโรปตะวันตก จะนับเอาวันเดียวกันนี้เป็นเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิด้วย
แต่ may day "เมย์เดย์ เมย์เดย์" ที่เราได้ยินในหนังฉากที่นักบินหรือกัปตันเรือขอความช่วยเหลือนั้น มีที่มาอีกทาง แม้ว่าจะออกเสียงเหมือนกัน
จริงๆคำนี้ไม่เกี่ยวกับเดือนพฤษภาคมอะไร แต่มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า m'aidez ออกเสียงว่า เมเดซ์ แปลว่ามาช่วยฉันด้วย
ประวัติของวันดีเดย์......
เหตุเกิดปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ดี-เดย์ (D-Day) คือวันที่กองทหารสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบก ที่แคว้นนอร์มังดี ตอนเหนือของฝรั่งเศส เพื่อปลดปล่อยฝรั่งเศสและประเทศยุโรปจากการยึดครองของเยอรมนี โดยยกพลขึ้นบกที่ชายหาด 5 แห่ง ของนอร์มังดีซึ่งขานรหัสว่า ยูทาห์ โอมาฮา โกลด์ จูโน และสอร์ด มีนายพลดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ เป็นผู้บัญชาการสูงสุด
6 มิถุนายน 1944 ป้อมปราการยุโรปของฮิตเลอร์ (Fortress Europe) ถูกโจมตีด้วยกำลังมหาศาลเท่าที่เคยมีมา เรือรบ 4,000 ลำ ลำเลียงทหารและยุทโธปกรณ์ ภาคอากาศ เครื่องบิน 11,000 ลำ โจมตีทิ้งระเบิดแนวป้องกันชายฝั่งอย่างหนัก ปืนเรือระดมยิงซ้ำ ขณะพลร่มโดดร่มลงภาคพื้นดิน เวลา 06.00 น. ทหารสัมพันธมิตรระลอกแรกยึดหัวหาด 4 แห่งได้โดยง่าย แต่ที่โอมาฮาเยอรมันโต้ตอบดุเดือด ความสูญเสียเกิดขึ้นมากมายก่อนภารกิจลุล่วง
จริงๆ แล้วเยอรมันรู้ล่วงหน้า แต่ไม่ทราบแน่ว่าจะยกพลขึ้นที่ใด เนื่องจากแนวชายทะเลของฝรั่งเศสด้านที่ติดกับอังกฤษนั้นยาวมาก ฮิตเลอร์เชื่อว่าจะเกิดขึ้นที่เมืองท่าคาเลซ์ ทางตอนเหนือซึ่งเป็นส่วนที่แคบที่สุดระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส แต่นายพลเออร์วิน รอมเมล แม่ทัพกลุ่มบีในประเทศฝรั่งเศส เชื่อว่าจะเกิดขึ้นบริเวณอื่น เขาสั่งการสร้างป้อมและบังเกอร์เรียงรายตามแนวชายฝั่ง เพิ่มจำนวนรังปืนกล เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนครก บนหาดสร้างสิ่งกีดขวางเรือที่เรียกว่าเม่นทะเลและงาแซง บวกกับการติดทุ่นระเบิดและกับระเบิดอีกจำนวนมาก รอมเมลเชื่อว่าชัยชนะของการต่อต้านการยกพลขึ้นบกจะอยู่ที่ชายหาด ใครยึดหาดได้จะเป็นผู้ชนะ แต่ฮิตเลอร์มองว่า
การรบขั้นแตกหักจะอยู่บนฝั่ง คือปล่อยให้พันธมิตรขึ้นฝั่งแล้วเยอรมันเข้าบดขยี้ จึงสั่งการให้วางกำลังส่วนใหญ่ไว้แนวหลัง พร้อมเข้าเสริมกำลังที่ป้องกันชายหาด รอมเมลจึงมีกองพลทหารราบ 38 กองพล วางกำลังตั้งแต่คาเลซ์ เหนือขึ้นไปทางฮอลแลนด์ และเลยลงไปถึงชายแดนสเปน ซึ่งเป็นระยะทางยาวมากเมื่อเทียบกับกำลังทหารจำนวนเท่านั้น กำลังทางอากาศก็มีเครื่องบินขับไล่เพียง 70 ลำ เครื่องบินทิ้งระเบิด 90 ลำ และเครื่องบินอื่นๆ 160 ลำ น้อยเกินไปที่จะรับมือกับฝูงบินพันธมิตรจำนวนมหาศาล
กองกำลังพันธมิตรมีทหารราบ 39 กองพล (สหรัฐ 20 อังกฤษ 3 แคนาดา 1 ฝรั่งเศสอิสระ 1 โปแลนด์ 1) เครื่องบินขับไล่กว่า 5,000 ลำ เครื่องร่อน 2,600 ลำ เรือรบและเรืออื่นๆ กว่า 6,000 ลำ รวมทหาร 2,000,000 นาย ชัยชนะของพันธมิตรได้มาบนความเสียหายยับเยินทั้งสองฝ่าย ชีวิตทหารหมดเปลืองเรือนล้าน

สำหรับคำ ดี-เดย์ D-Day เป็นรหัส D หมายถึง deliverrance การมอบคืน ดี-เดย์คือวันมอบคืนอิสรภาพให้แก่ประเทศที่เยอรมนีตียึด

การทลายคุกบาสตีย์

การทลายคุกบาสตีย์

         พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสก็ได้รับการกดดันอีกครั้งจากพระนางมารีอ็องตัวแน็ต และพระอนุชาของพระองค์ คือ Comte d'Artois ซึ่งจะได้เป็นพระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศสในอนาคต ทำให้พระองค์ทำการเรียกกองทหารที่จงรักภักดีต่อพระองค์จากต่างประเทศ
เข้ามาประจำการในกรุงปารีสและพระราชวังแวร์ซาย ทำให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน นอกจากนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังทรงปลดเนคเกร์ลงจากตำแหน่งอีกครั้ง ทำให้ประชาชนออกมาก่อจลาจลเมื่อวัน
         ที่ 12 กรกฎาคม และทลายคุกบาสตีย์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ได้ในวันที่ 14 กรกฎาคม  หลังจากนั้นพระเจ้าหลุยส์ก็เรียกเนคเกร์มาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม เนคเกร์ได้พบกับประชาชนที่ศาลาว่าการกรุงปารีส (l'Hôtel de Ville) ซึ่งถูกประดับไปด้วยธงสามสีคือแดง ขาว น้ำเงิน วันเดียวกันนั้น Comte d'Artois ก็ได้ทรงหนีออกนอกประเทศ ถือเป็นพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์แรก ๆ ที่หนีออกนอกประเทศในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส

         หลังจากนั้นไม่นาน เทศบาลและกองกำลังติดอาวุธของประชาชน (Garde Nationale) ก็ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างรีบเร่งโดยประชาชนชาวปารีส ในไม่ช้าทั่วประเทศก็มีกองกำลังติดอาวุธของประชาชนตามอย่างกรุงปารีส กองกำลังนี้อยู่ใต้การบัญชาการของนายพลเดอลาฟาแยตต์ ซึ่งผ่านสงครามปฏิวัติอเมริกามาแล้ว เมื่อพระเจ้าหลุยส์เห็นว่าทหารต่างชาติไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้ ก็ทรงปลดประจำการทหารเหล่านั้น

ปังและเหล้าองุ่น (Bread and Wine)

        ปังและเหล้าองุ่น (Bread and Wine) 
            ปังและเหล้าองุ่น เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซู บันดาลให้พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพประทับท่ามกลางเรา
               ปังและเหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์สากลของสิ่งที่นำชีวิตให้แก่เรา คือ อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ประพันธ์บทสดุดีขอบพระคุณพระเจ้าที่สนองความต้องการของมนุษยชาติ : พระองค์ทรงให้หญ้างอกมาเพื่อสัตว์เลี้ยงและผักให้มนุษย์ได้ดูแล เพื่อเขาจะทำให้เกิดอาหารจากแผ่นดิน และเหล้าองุ่น ซึ่งให้ใจมนุษย์ยินดี” (สดด.104.14-15)
            ดังนั้นพระคริสตเจ้าได้ทรงเลือกส่วนประกอบพื้นๆ ที่สุด ให้เป็นสัญลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระหรรษทานของพระองค์ คริสตชนเลี้ยงดูตัวเขาเองด้วยปังและเหล้าองุ่นซึ่งกลายเป็นพระกายและพระโลหิตขององค์พระเยซู ขณะที่พระศาสนจักรคาทอลิกและคริสตจักรออธอร์ดอกซ์สนใจการแปลงสารที่เกิดขึ้นจริงขณะเสกศีล คริสตจักรแองกลิกันและคริสตจักรลูเธอร์แรนรับความเชื่อนี้ด้วย (ความหมายที่กว้างที่สุด) ของพระคริสตเจ้า และพระเยซูไม่ได้ประทับอยู่ในแผ่นปังนั้นจริง  
           เราเห็นได้ชัดเจนว่าการแยกระหว่างพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า เป็นสัญลักษณ์ถึงการสิ้นพระชนม์บนกางเขน การประทับอยู่จริง เป็นพยานถึงการรื้อฟื้นการถวายบูชาของศีลมหาสนิทที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้นในระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พระองค์ประทานพระกายและพระโลหิตเป็นอาหารเลี้ยงดูสัตบุรุษตามพระดำรัสของพระคริสตเจ้าที่ว่า ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้ ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด ผู้ที่กินเนื้อของเรา จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น” (ยน 6:54-57)

ใครที่รับศีลมหาสนิทก็จะได้รับชีวิตของพระเยซูโดยอาศัยพระบิดาและดังนั้นโดยอาศัยธรรมล้ำลึกแห่งพระตรีเอกภาพที่รวมความรักพระบิดา พระบุตรและพระจิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เราได้รับเชิญให้ร่วม โต๊ะศักดิ์สิทธิ์และได้รับการต้อนรับในฐานะการรับเชิญให้ร่วมชีวิตของพระเยซูที่ทรงเป็น พระบุตรซึ่งทรงเป็นพระบุคคลที่สำคัญในพระตรีเอกภาพ
             แผ่นปังทำศีลมหาสนิทประกอบด้วยขนมปังแผ่นบางไร้เชื้อ (ยีสต์) เรียกว่า แผ่นศีล คำนี้เชื่อมโยงระหว่างศีลมหาสนิทกับเครื่องบูชา เพราะคำในภาษาลาติน คือ hostia หมายถึง เหยื่อบูชายัญ และนี่เป็นเครื่องหมายที่นักบุญเปาโลใช้ เพื่อกล่าวถึงพระคริสตเจ้า (1)     ขนมปังไร้เชื้อเป็นขนมปังชนิดเดียวที่จารีตของชาวยิวอนุญาตให้ใช้ในงานเลี้ยงปัสกา (2) เพราะฉะนั้นพระเยซูเจ้าทรงเสกในมื้ออาหารค่ำสุดท้าย ด้วยเหตุนี้พระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไม่อนุญาตให้เสกขนมปังธรรมดา ผิดกับพระศาสนจักรออธอร์ดอกซ์ที่เฉลิมฉลองศีลมหาสนิทด้วยขนมปังใส่เชื้อ มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับธรรมเนียมที่แตกต่างออกไป โชคดีที่พ้นความขมขื่นในช่วง 2 ศตวรรษที่ผ่านมาได้
ในพระศาสนจักรตะวันตก มีความแตกต่างเรื่องขนาดของแผ่นศีล คือ แผ่นเล็กสำหรับแจกสัตบุรุษสะดวกในการแจกและรับ และแผ่นใหญ่สำหรับพระสงฆ์ เพื่อจะเห็นแผ่นศีลง่ายเมื่อชูขึ้นหลังจากการเสก ปัจจุบันนี้มีการผลิตแผ่นศีลให้หนาขึ้นและใส่สีให้เห็นเป็นสีทองมากกว่าสีขาวเวลาอบแผ่นปัง
                 ตอนต้นของมิสซา พระสงฆ์วางแผ่นศีลที่ได้รับการเสกบนจานรองแผ่นศีล  (มาจากภาษาละติน patena “จานก้นตื้น”) มีลักษณะเป็นจานกลม โค้งออกข้างนอก และทำด้วยโลหะที่มีค่าเช่นทองหรือเงิน ส่วนใหญ่เป็นผลงานชิ้นเอกของช่างทองเลยทีเดียว เช่นเดียวกับ ผอบศีล (Ciborium) (จากคำกรีก kiborion “ผลของดอกบัวเพราะผอบศีลมีลักษณะคล้ายผลไม้ประเภทนี้) สำหรับวางแผ่นศีลเพื่อแจกประชาสัตบุรุษ ผอบศีลมีลักษณะเป็นถ้วยครึ่งทรงกลม มีฝาปิดซึ่งส่วนใหญ่มีกางเขนประดับบนฝา เมื่อมิสซาจบ จะนำผอบศีลไปเก็บไว้ในตู้ศีล เพื่อเก็บ ศีลศักดิ์สิทธิ์ที่สำรองไว้คือ แผ่นศีลที่เสกแล้วเหลือจากการแจกสัตบุรุษ จะมีผ้าคลุมผอบศีล “ Canopy” ซึ่งเป็นผ้าที่มีลักษณะกลม
              ระหว่างการนมัสการศีลมหาสนิท แผ่นศีลที่เสกแล้วจะตั้งแสดงให้สัตบุรุษแสดงคารวกิจในรัศมี (monstrance มาจากคำละติน monstrare แปลว่า แสดงให้เห็น”) ประกอบด้วยแผ่นเงินหรือแผ่นทองประดับลวดลายที่เป็นจุดสำคัญของศิลปะตรงกลางเป็นฐานวงกลม (ดวงจันทร์ขนาดเล็ก) ประดับด้วยแผ่นกระจก 2 แผ่น สำหรับวางแผ่นศีล รัศมีจะมีลวดลายเหมือนดวงอาทิตย์เรืองแสงรอบศีลศักดิ์สิทธิ์
            ถ้าไม่ตั้งแสดงศีลศักดิ์สิทธิ์ให้สัตบุรุษนมัสการ ก็จะเก็บแผ่นศีลไว้ในตู้ศีลในกล่องโลหะที่เรียกว่า กล่องเก็บศีล (มาจากคำละตินว่า Custodire แปลว่า เก็บหรือ pyx (มาจากคำว่า pyxis แปลว่า กล่อง”) กล่องนี้เป็นชื่อของกล่องกลมที่ใช้เก็บศีลมหาสนิทสำหรับไปส่งศีลให้คนป่วย
            กฎหมายของพระศาสนจักร ได้อธิบายเกี่ยวกับเหล้าองุ่นที่ใช้ในบูชามิสซา เหล้าองุ่นต้องมีลักษณะธรรมชาติ ทำจากผลองุ่นของต้นองุ่น และไม่เน่าเปื่อย” (กฎหมายพระศาสนจักรข้อ 924) ดังนั้น ต้องเป็นการหมักน้ำองุ่นบริสุทธิ์ ระหว่างมื้ออาหารค่ำสุดท้าย พระเยซูทรงแปลงสาร ผลของต้นองุ่นเป็นพระโลหิตในตอนท้ายของการรับประทานอาหาร มื้ออาหารปัสกาตามธรรมเนียมแล้วประกอบด้วยถ้วยใส่เหล้าองุ่น 4 ใบ และเป็นถ้วยที่ 4 เรียกว่า ฮัลเลล Hallel (คำสรรเสริญสดุดีในบทสดุดีที่ 114-117) ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงใช้ในขณะกล่าวบทเสกศีล (3)
              เมื่อย้อนเวลาไปถึงช่วงพันธสัญญาเดิม เหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์พื้นฐานหนึ่งของงานเลี้ยงฉลองพระเมสสิยาห์ (พระผู้ไถ่) ตามคำกล่าวของประกาศกอิสยาห์ที่ว่า เหล้าองุ่นกรองอย่างดี”(อสย.25.6) การถวายบูชาขอบพระคุณและ ศีลมหาสนิททำให้มื้ออาหารค่ำสุดท้ายและการพลีบูชาที่เนินเขากัลวารีโอเป็นจริง สำหรับเรา โดยทำให้สัตบุรุษได้ชิมลางล่วงหน้าถึงงานฉลองพระอาณาจักรที่จะมาถึง
            เพราะโดยทั่วไปการเสกศีลระหว่างมิสซา พระศาสนจักรโรมันใช้เหล้าองุ่นขาวเพื่อที่จะไม่เปื้อนอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหล้าที่หกจะติดเนื้อผ้า ประธานในพิธีจะรินเหล้าองุ่นลงในจอกกาลิกส์ (มาจาก คำกรีกว่า kylix, ภาษาละติน คือ calix แปลว่า ถ้วยสำหรับดื่ม”) ที่ทำด้วยทองเนื้อดี ลวดลายของจอกกาลิกส์เปลี่ยนไปตามยุคสมัยต่างๆ ปกติประดับด้วยเครื่องหมายของศีลศักดิ์สิทธิ์หรือข้อความจากพระคัมภีร์
           เวลาผลิต จะใช้รูปปังและเหล้าองุ่นเป็นเครื่องหมายของความเป็นหนึ่งเดียวของประชาสัตบุรุษที่รับศีลศักดิ์สิทธิ์ มีการอธิบายข้อเท็จจริงดังกล่าวในตำราของคริสต์ศาสนาเริ่มแรก ชื่อ ดีดาเค Didache หรือ คำสอนขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับคนต่างศาสนาซึ่งนับย้อนไปตอนปลายคริสต์ศตวรรษแรก ขณะปังที่ถูกบินี้ ซึ่งครั้งหนึ่งเมล็ดของมันได้รับการหว่านไปทั่วเนินเขา ถูกนำมารวมกันถวายเป็นปังก้อนเดียว ขอให้พระศาสนจักรของพระองค์ได้รับการรวมเข้าด้วยกัน จากปลายแผ่นดินโลกสู่อาณาจักรของพระองค์ เช่นเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่า องุ่นจำนวนมหาศาลถูกคั้นด้วยกัน กลายเป็นเหล้าองุ่นเดียว ดังนั้น สัตบุรุษจึงได้บิปังและดื่มถ้วยแห่งความรอด ในอีกแง่หนึ่ง การรับประทานปังของพระคริสต์และดื่มโลหิตของพระองค์ ก็จะเติบโตเป็นสมาชิกที่มีวุฒิภาวะของพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า (4) ซึ่งเป็นพระศาสนจักรของพระองค์
          เมื่อเรากล่าวถึงศีลมหาสนิท เราควรกล่าวอ้างถึงธรรมเนียมที่กลับมีชีวิตชีวาอีก บทภาวนาอวยพรตอนเริ่มรับประทานอาหาร และวอนขอพระหรรษทานในตอนท้ายของการรับประทานอาหาร นี่เป็นจารีตของชาวยิวด้วย มาจากคำอวยพรหรือ berakoth ที่หมายถึง ช่วงเวลาต่างๆของวัน พิธีของครอบครัวที่เป็นบทอวยพรในมื้ออาหารที่เรียกว่า Birkat-her-Mazon มีความสำคัญมาก ขอถวายพระพร องค์พระผู้เป็นเจ้า พระราชาแห่งจักรวาล พระองค์ทรงเลี้ยงโลกจากพระเมตตากรุณา ความอ่อนโยน พระหรรษทานและทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งดีระหว่างภาคถวายในมิสซาของคาทอลิก มีบทสวดภาวนา 2 บท เกี่ยวกับปังและเหล้าองุ่น เป็นพระพร ถึงแม้พระพรของมื้ออาหารเป็นพื้นฐาน ของศีลมหาสนิทของคริสตชนที่มีความลึกซึ้งกว่าก็ตาม
             คริสตชนต้องรักษาประโยชน์ที่พระเจ้าประทานความรักที่ถาวรลงภายในจิตใจของตน และขอบพระคุณพระองค์เสมอ ถึงแม้ว่าหนทางที่พระองค์โปรดให้เราเดินตามนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบากก็ตาม (ซึ่งความจริง เป็นความหมายดั้งเดิมของคำว่า ศีลมหาสนิท”) ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า ตามที่นักบุญเปาโลได้กล่าวว่า พระหรรษทานมาถึงเราโดยอาศัยพระเยซู ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์ทรงอวยพระพรแก่เราโดยประทานพระพรนานาประการ ของพระจิตเจ้าจากสวรรค์เดชะพระคริสตเจ้า” (อฟ 1:3)
           คริสตชนจะเคารพต่อปังและต่อสิ่งที่มีความหมายในพระศาสนจักร ศีลมหาสนิทสามารถเปลี่ยนแปลงมนุษย์ได้ เป็นธรรมเนียมของคริสตชนที่ไม่ทิ้งเศษของแผ่นปัง และก่อนจะตัดขนมปัง ต้องทำเครื่องหมายกางเขนที่ขนมปังก่อน



ประวัติ จุดกำเนิดของศาสนาคริสต์

ประวัติ จุดกำเนิดของศาสนาคริสต์

          หลายคนอาจจะคิดว่า จุดกำเนิดของศาสนาคริสต์ ต้องมาจากทวีปยุโรปแน่นอน แต่ความคิดนั้นผิดถนัด ศาสนาคริสต์นั้นกำเนิดครั้งแรกในทวีปเอเชียบริเวณดินแดนเลแวนด์ ปัจจุบันคือประเทศอิสราเอล ได้เผยแผ่จะมาเจริญรุ่งเรืองในประเทศตะวันตก แต่ช่วงเผยแผ่ศาสนาได้ถูกต่อต้านโดยศาสนายิว แต่ถึงอย่างไรก็ได้ต่อสู้ยืนหยัดมาอย่างต่อเนื่อง จากประเทศตะวันตกในสมัยนั้น

         พระเยซูมีเชื่อสายเป็นชาวยิว เมื่อในเยาว์วัยพระเยซูสนใจเรื่องศาสนธรรมและเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เมื่ออายุครบ 30 ปี ได้ไปท่องเที่ยวที่ดินแดนปาเลสไตน์ ริมแม่น้ำจอร์แดน ทรงได้มาพบกับยอห์น ( เป็นนักเทศน์ชาวยิว เป็นผู้เผยพระวจนะในสี่ศาสนา นั้นก็คือ ศาสนาอิสลาม ศาสนาบาไฮ ศาสนาคริสต์ และ Mandaeanism )แล้วให้บัพติศมา หลังจากได้บัพติมาแล้ว พระองค์ทรงได้เดินทางไปถิ่นทุระกันดารด้วยตัวคนเดียว พระเยซูปฏิบัติศิลอดเป็นระยะเวลา 40 วัน จากนั้นก็เริ่มเทศนาทั่วประเทศ เพื่อหนทางได้พบแสงสว่างรอดพ้นจากบาปไปชั่วนิรันดร์ซึ่งจุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อล้มล้างศาสนาเดิม แต่ทำให้ศาสนายูดายสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยเน้นเรื่องความรักของพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ในตอนนั้นคำสอนของพระเยซูมีกลุ่มผู้สนใดมากได้แก่คนยากคนจนและชาวประมง พระองค์ได้คัดเลือกคน 12 คน เพื่อมาเป็นสาวกติดตามรับใช้ระหว่างเดินทางไปเผยแผ่ศาสนา
        แต่ถึงอย่างไรนั้น ยูดาส อิสคาริออท ได้ทรยศเพื่อเห็นแก่เงินสินบน ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้ ยูดาย ขุนนาง และ คนที่มีฐานะร่ำรวย เกิดความไม่พอใจอย่างมากจึงเกิดความแค้นได้คิดหาทางทำร้ายร่างกายนั้น ด้วยการใส่ร้ายพระเยซูจึงถูกจับตัวไปที่ศาลของเมืองชาวโรมันแล้วยูดายได้ชี้ตัวพระเยชู ส่วนสาวกทั้ง 11 คนนั้นได้หลบหนีไปได้ โดยทิ้งให้พระเยซูถูกลงโทษด้วยการตรึงไว้กับไม้กางเขนอย่างโหดร้ายทรมานจนถึงแก่ชีวิตในเวลาต่อมา เมื่ออายุเพียง 33 ปี เท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2560

วันหยุดสำคัญในสหรัฐอเมริกา

วันหยุดสำคัญในสหรัฐอเมริกา
New Year’s Day : 1 มกราคม
วันขึ้นปีใหม่ เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการต้อนรับการเข้าสู่วันแรกของปีใหม่

Martin Luther King, Jr.’s Birthday : 15 มกราคม
การเฉลิมฉลองจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนมกราคม เพื่อรำลึกถึงมาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ ซึ่งเป็นผู้รวบรวม และเป็นผู่นำการเคลื่อนไหว เรื่องสิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกาในช่วงทศวรรษ 1960

Washington’s Birthday หรือ President’s Day : 22 กุมภาพันธ์
การเฉลิมฉลองจะจัดให้มีขึ้นในวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเป็นการระลึกถึง George Washington ผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัติ ที่ปลดปล่อยประเทศสหรัฐอเมริกา จากการปกครองของประเทศอังกฤษ และ วอชิงตัน ยังเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

Easter : ตกอยู่ประมาณปลายเดือนมีนาคม ถึง ต้นเดือนเมษายน
เทศกาลอีสเตอรื เป็นการเฉลิมฉลองของคริสตศาสนา ในการที่พระเยซูคริสต์เสด็จคืนชีวิต หลังจากทรงถูกทรมานและสวรรคตบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษย์ และเสด็จจากหลุมฝังศพคืนสู่สวรรค์ วันอีสเตอร์เป้นวันอาทิตย์ เรียก Easter Sunday ประเพณีเทศกาลอีสเตอร์ในคืนวันก่อนอีสเตอร์ จะมี Easter Bunny มาเยี่ยมเด็กๆ และวางตะกร้าที่บรรจุลูกกวาดรูปไข่ ช็อกโกแลตรูปกระต่าย และลูกเจี๊ยบไว้ให้

Memorial Day : วันจันทร์สุดท้ายในเดือนพฤษภาคม
เป็นวันที่ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตเพื่อประเทศชาติ

Independence Day : 4 กรกฎาคม
เป็นวันที่ระลึกถึงการประกาศอิสรภาพ ซึ่งกระทำกันที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 ถือเป็นวันหยุดที่สำคัญของประเทศ มีการจุดพลุเฉลิมฉลอง นักการเมืองมาแสดงสุนทรพจน์ มีการไปปิคนิครับประทานอาหารด้วยกัน


Labor Day : วันจันทร์แรกของเดือนกันยายน
เป็นวันที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อยอมรับว่า ผู้ใช้แรงงานมีความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ และวันนี้ยังถือว่า เป็นวันสุดท้ายของการสิื้นสุดฤดูร้อน ผู้คนจึงเฉลิมฉลองด้วยการไปปิคนิค และไปเที่ยวกัน

Columbus Day : วันจันทร์ที่ 2 ของเดือนตุลาคม
เป็นวันที่ระลึกถึงการค้นพบทวีปอเมริกา โดยนักเดินเรือชาวอิตาเลียน ชื่อ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ซึ่งต่อมาจะเดินทางไปประเทศจีน แต่มาพบโลกใหม่ (The New World) ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1492 ในบริเวณที่เป็นหมู่เกาะ Bahamas ในปัจจุบัน

Halloween : 31 ตุลาคม
เดิมเป็นวันหยุดทางศาสนา แต่ปัจจุบันเป็นวันหยุดให้เด็กๆมากกว่า ตามประเพณีจะมีการนำเอาลูกฟักทองมาแกะเป็นหน้าแม่มด ผี หรือหน้าคนรูปแปลกๆและเด็กๆจะแต่งชุดแฟนซีเดินไปตามบ้านต่างๆ และเคาะประตู เมื่อมีคนมาเปิดประตู เด็กๆจะร้องว่า Trick or Treat ซึ่งหมายความว่า If you don’t give a treat, I will trick you.

Veteran ‘s Day : วันจันทร์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายน
เป็นวันที่ระลึกถึงทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 11 พฤศจิกายน

Thanksgiving Day : วันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน
พวกพิลกริมที่อพยพเข้ามาในรัฐ Massachusetts เมื่อค.ศ. 1621 เป็นผู้ริเริ่มให้มพิธีเฉลิมฉลองนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยให้การเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารประสบความสำเร็จ ปัจจุบันชาวอเมริกัน ถือเป็นวันขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ทุกคนมีสุขภาพดี และมีความสุข ในวันนี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะรับประทานอาหารร่วมกัน เช่น turkey, cranberry sauce,sweet potatoes และ pumpkin pie



Christmas : 25 ธันวาคม
วันคริสต์มาสหรือวันตรุษฝรั่ง เป็นวันสำคัญในการเฉลิมฉลองวันเกิดพระเยซู มีการประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนให้สวยงาม นำต้นสนมาแต่งด้วยไฟราว และเครื่องประดับบนต้นคริสต์มาส แลกเปลี่ยนของขวัญกัน ซานตาครอสจะนำของขวัญมาวางให้เด็กๆ ที่ใต้ต้นคริสต์มาสก่อนในคืนคริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) หรือ ก่อนวันคริสต์มาสหนึ่งวัน เป็นต้น

New Year’s Eve : 31 ธันวาคม

วันที่ 31 ธันวาคม มักจะมีการจัดปาร์ตี้กันยาวนานจนกระทั่งถึงหลังเที่ยงคืน นาทีแรกของวันปีใหม่ ถือเป็นจุดสำคัญของวันปีใหม่กันเลยที่เดียว

วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

รถไฟในฝรั่งเศส การเดินทางด้วยรถไฟ

มีรถไฟให้บริการมากมายในฝรั่งเศส หลักๆแล้ว รถไฟในฝรั่งเศส ส่วนมากเป็นของ SNCF ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส ส่วน RATP ย่อมาจาก Régie Autonome des Transports Parisiens ก็คล้ายๆ กับ ขสมก บ้านเรา ซึ่งก็จะมีการให้บริการรถบัส พอพูดถึง SNCF หลายคนอาจจะนึกถึงการหยุดงานประท้วง (Les grèves) ของสหภาพพนักงานรถไฟ ซึ่งมีบ่อยมากจนเป็นความเคยชิน ส่วน ขสมก.ของที่นี่เรียกว่า RATP ของคนที่นั่นไปแล้ว สำหรับรถไฟที่วิ่งในปารีสหรือเมืองใหญ่ๆ ก็จะมี
 
Métro
 
Métro หรือ รถไฟฟ้าปารีส ที่วิ่งในปารีสมีทั้งหมด 14 สายหลักด้วยกัน และมีสายรอง 3(2) และสาย 7(2) โดยส่วนมากแล้วจะวิ่งอยู่ใต้ดิน ปารีสได้ชื่อว่าเป็นมืองที่มีสถานีรถไฟใต้ดินมากที่สุดในโลกคือ 245 สถานี ถ้ารวมกับบนดินด้วยก็ 298 สถานี 
 
RER
 
RER ย่อมาจาก Reseau Express Regional เป็นรถร็วที่วิ่งในปารีสและปริมณฑล หรือที่เรียกว่า Ile-de-France วิ่งระยะทางที่ไกลกว่า Métro มีทั้งหมด 5 สายคือ A B C D และ E สายสำคัญที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีคือ
• สาย A ดิสนีย์แลนด์, ย่าน La Défense 
• สาย B สนามบิน CDG, ประตูชัยนโปเลียน
• สาย C พระราชวังแวร์ซาย, สนามบิน Orly และหอไอเฟล
 
Tramway เป็นรถราง ที่วิ่งในปารีสและปริมณฑล มีทั้งหมด 8 สายด้วยกัน 
Transilien เป็นรถไฟวิ่งจากชานเมืองมาและต่างจังหวัดมาปารีส
 
โดยระบบขนส่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงกัน สำหรับค่าโดยสารรถไฟจะจ่ายตามโซนของการเดินทาง ปารีสและปริมณฑลถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ 5 โซนด้วยกัน ซึ่งการเดินทางภายในโซนที่กำหนดขึ้นค่าโดยสารจะเท่ากัน เช่น โซน 1- 2 ซึ่งถือเป็นใจกลางกรุงปารีส สถานที่ท่องเที่ยวก็จะอยู่ในโซนนี้เกือบทั้งหมด แต่พอเดินทางข้ามโซนไป 3, 4 หรือ 5 ค่าโดยสารก็จะเปลี่ยนหรือแพงขึ้น อย่างสนามบิน CDG หรือสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ที่อยู่ห่างออกไปเป็นโซน 5 ส่วนพระราชวังแวร์ซายอยู่ในโซน 4 
 
ส่วนรถโต้บัสที่วิ่งมาจากแต่ละหมู่บ้าน มาที่สถานีรถไฟ โดยวิ่งระยะสั้นๆ ด้วยเหตุนี้เองรสบัสถึงกำหนดระยะเวลามาถึงแต่ละป้ายได้ค่อนข้างแน่นอน สำหรับคนที่ซื้อตั๋วเหมาจ่ายรายเดือนหรือรายปีที่เป็นบัตรสมาร์ดการ์ดก็จะรวมค่าโดยสารรถบัสเข้าไปด้วยแล้ว 
 
TGV หรือ เตเฌเว
 
รถไฟ TGV ย่อมาจาก Train à Grande Vitesse เป็นรถไฟความเร็วสูงวิ่งระหว่างเมืองต่างๆ ในฝรั่งเศส มีความสะดวกสบายและรวดเร็ว อย่างปารีสไปเมืองมาร์กเซยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุดคือ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถไฟจะมีชั้นสอง กับชั้นหนึ่ง โดยชั้นหนึ่งนั้นที่นั่งจะกว่างกว่า สะดวกสบายกว่าเล็กน้อย ราคาก็แพงกว่าด้วย การจองตั๋วล่วงหน้าราคาจะถูกกว่า บนรถไฟมีตู้เสบียงแต่ราคาค่อนข้างแพง เตรียมอาหารไปเองจะดีกว่า
 
แต่ TGV ก็ไม่ได้วิ่งไปทุกเมือง หมู่บ้านเล็กที่อยู่ห่างออกไปก็จะมีรถไฟ Train Express Régional (TER), Intercités (ICE) หรือมี international lines วิ่งผ่าน อาจจะช้ากว่า TGV มีความถี่ในการจอดหลายๆ สถานี
 
รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงในฝรั่งเศส และบางสายก็วิ่งไปประเทศข้างเคียง มีดังต่อไปนี้
 
ยูโรสตาร์ (Eurostar)
 
เป็นรถไฟรถไฟความเร็วสูง ที่ให้บริการในยุโรปตะวันตก วิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันนี้เราจะพูดเฉพาะการเดินทางจากฝรั่งเศสนะคะ โดยสามารถไปขึ้นรถไฟ ยูโรสตาร์ ได้ที่ สถานีรถไฟปารีส นอร์ท (Gare du Nord) เพื่อเดินทางไปกรุงลอนดอนและเคนต์ ในสหราชอาณาจักร โดยวิ่งลอดใต้ทะเลผ่านอุโมงค์ ที่ช่องแคบอังกฤษและฝรั่งเศส 
 
ส่วนสถานีอื่นๆ ของ ยูโรสตาร์ ในฝรั่งเศสก็คือสถานีกาเล่ส์ เฟรทุน (Calais-Fréthun) สถานีที่ประเทศเบลเยี่ยมคือสถานี Brussels Midi หรือ Brussels Zuid ในกรุงบรัสเซลล์ นอกจากนี้ยังให้บริการจากลอนดอนไปยังโรงแรมดิสนีย์แลนด์ ปารีส และอีกหลากหลายจุดหมายปลายทางในฝรั่งเศส ตามแต่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
 
สถานีของยูโรสตาร์ในลอนดอน คือ St. Pancras International หรืออีกชื่อหนึ่งคือสถานี King's Cross จริงๆ แล้วคือที่เดียวกัน แล้วแต่ว่าเดินทางมาถึงด้วยรถไฟอะไร  เดินทางมาด้วยยูโรสตาร์ก็จ้เรียกว่า St. Pancras เหมือนกับในปารีส ถ้าเดินทางมาถึงด้วย RER สาย B หรือ D จะเรียกชื่อสถานีว่า Gare du Nord แต่ถ้าเดินทางมาถึงด้วย  RER สาย D กลับเรียกชื่อสถานีว่า Magenta จริงๆ ก็คือที่เดียวกัน ภายในสถานีจะมีทางเชื่อมถึงกัน เวลาอยู่ใน Gare du Nord แล้วจะเดินทางต่อ ด้วย Eurostar, Thalys หรือ TGV ให้หาทางออกที่เขียนว่า “Grande Ligne” สถานีรถไฟใหญ่มาก ทางออกก็เยอะ เมื่อก่อนมีรูปบอกว่าอะไรไปทางไหน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่อีกแล้วค่ะ รวมทั้งค่าบริการห้องน้ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 70 ซองค์ตรีม แพงอ่ะ !
 
คนที่นี่ชอบนั่งยูโรสตาร์มากกว่าเครื่องบิน เพราะสถานีรถไฟอยู่ใจกลางเมือง การเดินทาง ลอนดอน – ปารีส ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจองตั๋วรถไฟ ถ้าจองล่วงหน้าจะถูกมาก ราคาประมาณ 39 ยูโร แต่ถ้าจองกระชั้นชิดอาจจะแพงกว่าราคาตั๋วเครื่องบิน ที่นั่งมีหลายแบบให้เลือก คนที่เมารถง่าย พยายามอย่าเลือกที่นั่งแบบหันหลังนะคะ 

Thalys ให้บริการ ระหว่าง 
 
• ปารีส – บรัสเซลล์ เบลเยี่ยม  – อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
• ปารีส – โคโลญจน์ เยอรมนี
 
เป็นรถไฟที่ค่อนข้างหรูและสะดวกสบาย มีฟรี Wi-Fi ปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ และมีนิตยสารให้อ่านด้วย เป็นรถไฟที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดก็ว่าได้ การจองตั๋วล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ จะถูกมากนะคะ ปารีส – บรัสเซลล์ ชั้น 2 ราคาแค่ 29 ยูโรเคยเห็นมีโปรแค่ 25 ยูโรก็มี เคยเดินทางจาก ปารีสไปอัมสเตอร์ดัม ราคาตั๋วถูกสุดแค่ 35 ยูโร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ แถมสะสมไมล์ได้ด้วย บางครั้งราคาตั๋วพอๆ กันก็ถูกอัพเกรดไปนั่งชั้นหนึ่ง ที่มีการเสิร์ฟอาหารฟรีเหมือนกับบนเครื่องบินเลย อาหารอร่อยค่ะ เบาะก็นุ่ม มีให้เลือกว่าจะนั่งเดี่ยว นั่งคู่ หรือเดินทางแบบ 4 คนก็นั่งหันหน้าให้กันแบบสบาย ปารีส – บรัสเซลล์ ใช้เวลาเกือบชั่วโมง นั่งเพลินรู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง ภาพข้างล่างเป็นที่นั่งภายตู้โดยสารชั้นหนึ่งของ Thalys

นอกจากนี้แล้วก็มีรถไฟจากฝรั่งเศสไปประเทศข้างเคียงอีกหลายสาย เช่น
 
• TGV ปารีส – ลักเซมเบิร์ก,  ลิล ฝรั่งเศส – บรัสเซลล์, ปารีส – มิลาน,  ปารีส –   ตูริน อิตาลี
• TGV Lyria ปารีส – เจนีวา และ ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นรถไฟที่ Gare de Lyon (การ์ เดอ ลียง) วิวสองข้างทางสวยมากถึงมากที่สุด
• ICE (Intercités) ปารีส – แฟรงก์เฟิร์ต และ มิวนิค ประเทศเยอรมนี ขึ้นรถไฟที่ Gare du nord ต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานีรถไฟเมืองโคโลญ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 -4 ชั่วโมง แต่ผู้เขียนยังไม่เคยลอง
 
และยังมีรถไฟกลางคืน Intercités de Nuit (night train) ที่ชื่อว่า Thello จาก ปารีส Gare de Lyon ไปอิตาลี่ มีอยู่สองเส้นทาง คือ
• ปารีส – มิลาน – เวโรนา – เวนิส
• ปารีส – ฟลอเรนซ์  – โรม
 
และที่กำลังถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมากในฝรั่งเศสตอนนี้ก็คือ SNCF ได้จัดทำแคมเปญใหม่โดยมีรถไฟราคาถูกที่เรียกว่า OUIGO ที่ราคาตั๋วเพียงแค่ 10 ยูโร จากปารีสไปลียง หรือที่อื่นๆ แต่ก็ให้บริการบางเส้นทางเท่านั้น ความสะดวกสบายภายในโบกี้โดยสารก็จะเทียบกับ TGV ไม่ได้ มีเงื่อนไขและข้อจำกัดเยอะพอสมควร คล้ายๆ กับสายการบินต้นทุนต่ำ มีการจำกัดน้ำหนักกระเป๋า รวมทั้งถ้าต้องการชาร์จแบตเตอรี่ก็เสียค่าบริการเพิ่มอีก 2 ยูโร เปลี่ยนตั๋วหรือเลื่อนการเดินทางไม่ได้ เป็นต้น สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้ที่ลิงค์ http://www.voyages-sncf.com/promotion-train/multi/ouigo-odv-ete
 
ทำไมต้องใช้รถไฟ 
 
รวดเร็ว สะดวก และประหยัดกว่า สำการเดินทางไกลๆ ถ้าระยะทางใกล้ๆ คนฝรั่งเศสก็จะใช้รถบัสประจำทาง เดิน จักรยาน หรือว่าปั่นจักรยาน จะมี les pistes cyclables ทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกสบายก็จริงแต่ในปารีส หรือเมืองใหญ่ๆรั้นรถติดพอสมควร รถไฟจึงเป็นทางเลือกที่คนฝรั่งเศสใช้ในการเดินทางกัน 
 
ที่กำลังได้รับความนิยมมากอยู่ในตอนนี้คือ การเดินทางโดยรถยนต์แบบแชร์กัน ที่เรียกว่า Le covoiturage หรือ Bla Bla Car ซึ่งก็ประหยัดและปลอดภัย แต่ช้ากว่าการเดินทางรถไฟเพราะต้องรอให้ผู้โดยสารเต็มรถเสียก่อน ผู้โดยสารบางคนอาจจะชอบการเดินทางแบบนี้เพราะจะได้พบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ 
 
วิธีซื้อตั๋วรถไฟ หรือรถโดยสารอื่นๆ 
 
1. ซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งพบได้ตามสถานีรถไฟต่างๆ RER , Métro ถถบัส ราคาตั๋วจะกำหนดตายตัว
ส่วนตั๋วรถไฟที่วิ่งระยะทางไกลๆ อย่าง TGV, Thalys หรือ Eurostar นั้น ราคาตั๋วจะถูกแพงไม่เท่ากัน คล้ายกับราคาตั๋วเครื่องบิน ช่วงเวลาที่มีคนต้องการเดินทางมาก เช่นเดินทางวันศุกร์ เสาร์ ราคาตั๋วก็อาจจะแพงกว่า  แต่ช่วงเวลาที่คนเดินทางน้อยๆ อย่างตอนเช้าตรู่ หกโมงเช้า หรือดึกๆ ราคาตั๋วอาจจะถูกกว่า ในโบกี้เดียวกันถ้าถามแต่ละคนดู อาจจะซื้อตั๋วมาในราคาที่แตกต่างกัน ถ้าซื้อล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ มักจะได้ราคาที่ถูกกว่า บางช่วงก็มีโปรโมชั่นด้วย ควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าจะไดประหยัดตังค์ 
 
2. ซื้อที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วในสถานีรถไฟ แต่ละสถานนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ขายตั๋ว ตอนกลางคืนจะปิดให้บริการ ช่วงพักกลางวันอาจจะเปิดบริการแค่เคาน์เตอร์เดียว คิวยาว อะไรประมาณนี้ คนส่วนมากเลยนิยมซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติกันซะมากกว่า
 
สำหรับผู้ที่สนใจอยากทราบว่าตู้ขายตั๋วหน้าตาเป็นอย่างไรก็สามารถเข้าไปดูรูปที่ผู้เขียนโพตส์ไว้ในเรื่อง สนามบินชาร์ลเดอโกล – ปารีส การเดินทาง เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และก็ยังมีเวปไซต์ที่เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟทุกชนิดในฝรั่งเศสและยุโรป ที่กำลังได้รับความนิยมกันมากในฝรังเศสคือ
https://www.captaintrain.com
 
ข้อควรระวัง  ห้ามลืม  validate  หรือ composter 
 
ก่อนขึ้นรถไฟห้ามลืมตอกตั๋วเป็นอันขาด ไม่งั้นโดนปรับเป็นเงินเยอะเลย ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจเจอ ไม่ว่าจะเป็นรถบัส รถไฟใต้ดิน TGV หรือ TER ให้มองหาตู้ตอกตั๋วสีเหลืองใกล้ๆ กับชานชาลา ไม่เว้นแม้กระทั่งตั๋วรถบัส อย่าลืมตอกตั๋วและห้ามทำหาย  ยกเว้นว่าเป็นตั๋วที่ซื้ออนไลน์แล้วปริ้นซ์ออกมาเป็นกระดาษ หรือเป็น QR code เก็บไว้ในสมาร์ทไฟน