วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

รถไฟในฝรั่งเศส การเดินทางด้วยรถไฟ

มีรถไฟให้บริการมากมายในฝรั่งเศส หลักๆแล้ว รถไฟในฝรั่งเศส ส่วนมากเป็นของ SNCF ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส ส่วน RATP ย่อมาจาก Régie Autonome des Transports Parisiens ก็คล้ายๆ กับ ขสมก บ้านเรา ซึ่งก็จะมีการให้บริการรถบัส พอพูดถึง SNCF หลายคนอาจจะนึกถึงการหยุดงานประท้วง (Les grèves) ของสหภาพพนักงานรถไฟ ซึ่งมีบ่อยมากจนเป็นความเคยชิน ส่วน ขสมก.ของที่นี่เรียกว่า RATP ของคนที่นั่นไปแล้ว สำหรับรถไฟที่วิ่งในปารีสหรือเมืองใหญ่ๆ ก็จะมี
 
Métro
 
Métro หรือ รถไฟฟ้าปารีส ที่วิ่งในปารีสมีทั้งหมด 14 สายหลักด้วยกัน และมีสายรอง 3(2) และสาย 7(2) โดยส่วนมากแล้วจะวิ่งอยู่ใต้ดิน ปารีสได้ชื่อว่าเป็นมืองที่มีสถานีรถไฟใต้ดินมากที่สุดในโลกคือ 245 สถานี ถ้ารวมกับบนดินด้วยก็ 298 สถานี 
 
RER
 
RER ย่อมาจาก Reseau Express Regional เป็นรถร็วที่วิ่งในปารีสและปริมณฑล หรือที่เรียกว่า Ile-de-France วิ่งระยะทางที่ไกลกว่า Métro มีทั้งหมด 5 สายคือ A B C D และ E สายสำคัญที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีคือ
• สาย A ดิสนีย์แลนด์, ย่าน La Défense 
• สาย B สนามบิน CDG, ประตูชัยนโปเลียน
• สาย C พระราชวังแวร์ซาย, สนามบิน Orly และหอไอเฟล
 
Tramway เป็นรถราง ที่วิ่งในปารีสและปริมณฑล มีทั้งหมด 8 สายด้วยกัน 
Transilien เป็นรถไฟวิ่งจากชานเมืองมาและต่างจังหวัดมาปารีส
 
โดยระบบขนส่งทั้งหมดจะเชื่อมโยงกัน สำหรับค่าโดยสารรถไฟจะจ่ายตามโซนของการเดินทาง ปารีสและปริมณฑลถูกแบ่งเป็นโซนต่างๆ 5 โซนด้วยกัน ซึ่งการเดินทางภายในโซนที่กำหนดขึ้นค่าโดยสารจะเท่ากัน เช่น โซน 1- 2 ซึ่งถือเป็นใจกลางกรุงปารีส สถานที่ท่องเที่ยวก็จะอยู่ในโซนนี้เกือบทั้งหมด แต่พอเดินทางข้ามโซนไป 3, 4 หรือ 5 ค่าโดยสารก็จะเปลี่ยนหรือแพงขึ้น อย่างสนามบิน CDG หรือสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ ที่อยู่ห่างออกไปเป็นโซน 5 ส่วนพระราชวังแวร์ซายอยู่ในโซน 4 
 
ส่วนรถโต้บัสที่วิ่งมาจากแต่ละหมู่บ้าน มาที่สถานีรถไฟ โดยวิ่งระยะสั้นๆ ด้วยเหตุนี้เองรสบัสถึงกำหนดระยะเวลามาถึงแต่ละป้ายได้ค่อนข้างแน่นอน สำหรับคนที่ซื้อตั๋วเหมาจ่ายรายเดือนหรือรายปีที่เป็นบัตรสมาร์ดการ์ดก็จะรวมค่าโดยสารรถบัสเข้าไปด้วยแล้ว 
 
TGV หรือ เตเฌเว
 
รถไฟ TGV ย่อมาจาก Train à Grande Vitesse เป็นรถไฟความเร็วสูงวิ่งระหว่างเมืองต่างๆ ในฝรั่งเศส มีความสะดวกสบายและรวดเร็ว อย่างปารีสไปเมืองมาร์กเซยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุดคือ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถไฟจะมีชั้นสอง กับชั้นหนึ่ง โดยชั้นหนึ่งนั้นที่นั่งจะกว่างกว่า สะดวกสบายกว่าเล็กน้อย ราคาก็แพงกว่าด้วย การจองตั๋วล่วงหน้าราคาจะถูกกว่า บนรถไฟมีตู้เสบียงแต่ราคาค่อนข้างแพง เตรียมอาหารไปเองจะดีกว่า
 
แต่ TGV ก็ไม่ได้วิ่งไปทุกเมือง หมู่บ้านเล็กที่อยู่ห่างออกไปก็จะมีรถไฟ Train Express Régional (TER), Intercités (ICE) หรือมี international lines วิ่งผ่าน อาจจะช้ากว่า TGV มีความถี่ในการจอดหลายๆ สถานี
 
รถไฟที่วิ่งด้วยความเร็วสูงในฝรั่งเศส และบางสายก็วิ่งไปประเทศข้างเคียง มีดังต่อไปนี้
 
ยูโรสตาร์ (Eurostar)
 
เป็นรถไฟรถไฟความเร็วสูง ที่ให้บริการในยุโรปตะวันตก วิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในวันนี้เราจะพูดเฉพาะการเดินทางจากฝรั่งเศสนะคะ โดยสามารถไปขึ้นรถไฟ ยูโรสตาร์ ได้ที่ สถานีรถไฟปารีส นอร์ท (Gare du Nord) เพื่อเดินทางไปกรุงลอนดอนและเคนต์ ในสหราชอาณาจักร โดยวิ่งลอดใต้ทะเลผ่านอุโมงค์ ที่ช่องแคบอังกฤษและฝรั่งเศส 
 
ส่วนสถานีอื่นๆ ของ ยูโรสตาร์ ในฝรั่งเศสก็คือสถานีกาเล่ส์ เฟรทุน (Calais-Fréthun) สถานีที่ประเทศเบลเยี่ยมคือสถานี Brussels Midi หรือ Brussels Zuid ในกรุงบรัสเซลล์ นอกจากนี้ยังให้บริการจากลอนดอนไปยังโรงแรมดิสนีย์แลนด์ ปารีส และอีกหลากหลายจุดหมายปลายทางในฝรั่งเศส ตามแต่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
 
สถานีของยูโรสตาร์ในลอนดอน คือ St. Pancras International หรืออีกชื่อหนึ่งคือสถานี King's Cross จริงๆ แล้วคือที่เดียวกัน แล้วแต่ว่าเดินทางมาถึงด้วยรถไฟอะไร  เดินทางมาด้วยยูโรสตาร์ก็จ้เรียกว่า St. Pancras เหมือนกับในปารีส ถ้าเดินทางมาถึงด้วย RER สาย B หรือ D จะเรียกชื่อสถานีว่า Gare du Nord แต่ถ้าเดินทางมาถึงด้วย  RER สาย D กลับเรียกชื่อสถานีว่า Magenta จริงๆ ก็คือที่เดียวกัน ภายในสถานีจะมีทางเชื่อมถึงกัน เวลาอยู่ใน Gare du Nord แล้วจะเดินทางต่อ ด้วย Eurostar, Thalys หรือ TGV ให้หาทางออกที่เขียนว่า “Grande Ligne” สถานีรถไฟใหญ่มาก ทางออกก็เยอะ เมื่อก่อนมีรูปบอกว่าอะไรไปทางไหน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใหม่อีกแล้วค่ะ รวมทั้งค่าบริการห้องน้ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 70 ซองค์ตรีม แพงอ่ะ !
 
คนที่นี่ชอบนั่งยูโรสตาร์มากกว่าเครื่องบิน เพราะสถานีรถไฟอยู่ใจกลางเมือง การเดินทาง ลอนดอน – ปารีส ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจองตั๋วรถไฟ ถ้าจองล่วงหน้าจะถูกมาก ราคาประมาณ 39 ยูโร แต่ถ้าจองกระชั้นชิดอาจจะแพงกว่าราคาตั๋วเครื่องบิน ที่นั่งมีหลายแบบให้เลือก คนที่เมารถง่าย พยายามอย่าเลือกที่นั่งแบบหันหลังนะคะ 

Thalys ให้บริการ ระหว่าง 
 
• ปารีส – บรัสเซลล์ เบลเยี่ยม  – อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
• ปารีส – โคโลญจน์ เยอรมนี
 
เป็นรถไฟที่ค่อนข้างหรูและสะดวกสบาย มีฟรี Wi-Fi ปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่ และมีนิตยสารให้อ่านด้วย เป็นรถไฟที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดก็ว่าได้ การจองตั๋วล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ จะถูกมากนะคะ ปารีส – บรัสเซลล์ ชั้น 2 ราคาแค่ 29 ยูโรเคยเห็นมีโปรแค่ 25 ยูโรก็มี เคยเดินทางจาก ปารีสไปอัมสเตอร์ดัม ราคาตั๋วถูกสุดแค่ 35 ยูโร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ แถมสะสมไมล์ได้ด้วย บางครั้งราคาตั๋วพอๆ กันก็ถูกอัพเกรดไปนั่งชั้นหนึ่ง ที่มีการเสิร์ฟอาหารฟรีเหมือนกับบนเครื่องบินเลย อาหารอร่อยค่ะ เบาะก็นุ่ม มีให้เลือกว่าจะนั่งเดี่ยว นั่งคู่ หรือเดินทางแบบ 4 คนก็นั่งหันหน้าให้กันแบบสบาย ปารีส – บรัสเซลล์ ใช้เวลาเกือบชั่วโมง นั่งเพลินรู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง ภาพข้างล่างเป็นที่นั่งภายตู้โดยสารชั้นหนึ่งของ Thalys

นอกจากนี้แล้วก็มีรถไฟจากฝรั่งเศสไปประเทศข้างเคียงอีกหลายสาย เช่น
 
• TGV ปารีส – ลักเซมเบิร์ก,  ลิล ฝรั่งเศส – บรัสเซลล์, ปารีส – มิลาน,  ปารีส –   ตูริน อิตาลี
• TGV Lyria ปารีส – เจนีวา และ ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นรถไฟที่ Gare de Lyon (การ์ เดอ ลียง) วิวสองข้างทางสวยมากถึงมากที่สุด
• ICE (Intercités) ปารีส – แฟรงก์เฟิร์ต และ มิวนิค ประเทศเยอรมนี ขึ้นรถไฟที่ Gare du nord ต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานีรถไฟเมืองโคโลญ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 -4 ชั่วโมง แต่ผู้เขียนยังไม่เคยลอง
 
และยังมีรถไฟกลางคืน Intercités de Nuit (night train) ที่ชื่อว่า Thello จาก ปารีส Gare de Lyon ไปอิตาลี่ มีอยู่สองเส้นทาง คือ
• ปารีส – มิลาน – เวโรนา – เวนิส
• ปารีส – ฟลอเรนซ์  – โรม
 
และที่กำลังถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมากในฝรั่งเศสตอนนี้ก็คือ SNCF ได้จัดทำแคมเปญใหม่โดยมีรถไฟราคาถูกที่เรียกว่า OUIGO ที่ราคาตั๋วเพียงแค่ 10 ยูโร จากปารีสไปลียง หรือที่อื่นๆ แต่ก็ให้บริการบางเส้นทางเท่านั้น ความสะดวกสบายภายในโบกี้โดยสารก็จะเทียบกับ TGV ไม่ได้ มีเงื่อนไขและข้อจำกัดเยอะพอสมควร คล้ายๆ กับสายการบินต้นทุนต่ำ มีการจำกัดน้ำหนักกระเป๋า รวมทั้งถ้าต้องการชาร์จแบตเตอรี่ก็เสียค่าบริการเพิ่มอีก 2 ยูโร เปลี่ยนตั๋วหรือเลื่อนการเดินทางไม่ได้ เป็นต้น สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปดูได้ที่ลิงค์ http://www.voyages-sncf.com/promotion-train/multi/ouigo-odv-ete
 
ทำไมต้องใช้รถไฟ 
 
รวดเร็ว สะดวก และประหยัดกว่า สำการเดินทางไกลๆ ถ้าระยะทางใกล้ๆ คนฝรั่งเศสก็จะใช้รถบัสประจำทาง เดิน จักรยาน หรือว่าปั่นจักรยาน จะมี les pistes cyclables ทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกสบายก็จริงแต่ในปารีส หรือเมืองใหญ่ๆรั้นรถติดพอสมควร รถไฟจึงเป็นทางเลือกที่คนฝรั่งเศสใช้ในการเดินทางกัน 
 
ที่กำลังได้รับความนิยมมากอยู่ในตอนนี้คือ การเดินทางโดยรถยนต์แบบแชร์กัน ที่เรียกว่า Le covoiturage หรือ Bla Bla Car ซึ่งก็ประหยัดและปลอดภัย แต่ช้ากว่าการเดินทางรถไฟเพราะต้องรอให้ผู้โดยสารเต็มรถเสียก่อน ผู้โดยสารบางคนอาจจะชอบการเดินทางแบบนี้เพราะจะได้พบปะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมทางใหม่ๆ 
 
วิธีซื้อตั๋วรถไฟ หรือรถโดยสารอื่นๆ 
 
1. ซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ ซึ่งพบได้ตามสถานีรถไฟต่างๆ RER , Métro ถถบัส ราคาตั๋วจะกำหนดตายตัว
ส่วนตั๋วรถไฟที่วิ่งระยะทางไกลๆ อย่าง TGV, Thalys หรือ Eurostar นั้น ราคาตั๋วจะถูกแพงไม่เท่ากัน คล้ายกับราคาตั๋วเครื่องบิน ช่วงเวลาที่มีคนต้องการเดินทางมาก เช่นเดินทางวันศุกร์ เสาร์ ราคาตั๋วก็อาจจะแพงกว่า  แต่ช่วงเวลาที่คนเดินทางน้อยๆ อย่างตอนเช้าตรู่ หกโมงเช้า หรือดึกๆ ราคาตั๋วอาจจะถูกกว่า ในโบกี้เดียวกันถ้าถามแต่ละคนดู อาจจะซื้อตั๋วมาในราคาที่แตกต่างกัน ถ้าซื้อล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ มักจะได้ราคาที่ถูกกว่า บางช่วงก็มีโปรโมชั่นด้วย ควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าจะไดประหยัดตังค์ 
 
2. ซื้อที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วในสถานีรถไฟ แต่ละสถานนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ขายตั๋ว ตอนกลางคืนจะปิดให้บริการ ช่วงพักกลางวันอาจจะเปิดบริการแค่เคาน์เตอร์เดียว คิวยาว อะไรประมาณนี้ คนส่วนมากเลยนิยมซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติกันซะมากกว่า
 
สำหรับผู้ที่สนใจอยากทราบว่าตู้ขายตั๋วหน้าตาเป็นอย่างไรก็สามารถเข้าไปดูรูปที่ผู้เขียนโพตส์ไว้ในเรื่อง สนามบินชาร์ลเดอโกล – ปารีส การเดินทาง เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และก็ยังมีเวปไซต์ที่เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟทุกชนิดในฝรั่งเศสและยุโรป ที่กำลังได้รับความนิยมกันมากในฝรังเศสคือ
https://www.captaintrain.com
 
ข้อควรระวัง  ห้ามลืม  validate  หรือ composter 
 
ก่อนขึ้นรถไฟห้ามลืมตอกตั๋วเป็นอันขาด ไม่งั้นโดนปรับเป็นเงินเยอะเลย ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจเจอ ไม่ว่าจะเป็นรถบัส รถไฟใต้ดิน TGV หรือ TER ให้มองหาตู้ตอกตั๋วสีเหลืองใกล้ๆ กับชานชาลา ไม่เว้นแม้กระทั่งตั๋วรถบัส อย่าลืมตอกตั๋วและห้ามทำหาย  ยกเว้นว่าเป็นตั๋วที่ซื้ออนไลน์แล้วปริ้นซ์ออกมาเป็นกระดาษ หรือเป็น QR code เก็บไว้ในสมาร์ทไฟน


 


ต้นชมพูพันทิพย์

พบบริเวณตึก50ปี
ชื่อที่เรียก : ชมพูพันธุ์ทิพย์ชื่ออื่น ๆ : ชมพูอินเดีย ธรรมบูชา ตาเบบูย่าพันธุ์ทิพย์ แตรชมพู ชื่อสามัญ : Pink Trumpet shrub, Pink Trumpet Tree, Pink Tecomaชื่อวิทยาศาสตร์ : Tabebuia rosea (Bertol.) DC. 
ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับทองอุไรและศรีตรัง สูงราว 8-12 เมตร ใบเป็นแบบผสม มีใบย่อย 5 ใบ แผ่ออกคล้ายใบปาล์ม ปลายใบแหลม ยาวประมาณ 12 เซนติเมตร กิ่งก้านสาขาแผ่ออกเป็นพุ่มค่อนข้างแน่น เรือนยอดรูปไข่หรือทรงกลมแผ่กว้างเป็นชั้น ๆ เปลือกต้นเรียบ สีเทาหรือสีน้ำตาล ต้นที่มีอายุมากเปลือกจะแตกเป็นร่อง

ต้นกำเนิด ของชมพูพันธุ์ทิพย์ อยู่ในเขตร้อนของทวีปอเมริกาใต้ ต่อมาได้ถูกนำไปปลูกในเขตร้อน
ทวีปต่าง ๆ อย่างแพร่หลายรวมทั้งประเทศไทย

ประโยชน์ : ชมพูพันธุ์ทิพย์เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ทนทานต่อดินฟ้าอากาศทนน้ำท่วมขัง และโรคแมลง โตเร็ว มีดอกดกสวยงาม จึงนิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ และให้ร่มเงาในบริเวณสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ และตามถนนหนทาง แต่กิ่งเปราะไม่เหมาะปลูกใกล้สนามเด็กเล่น ดอกร่วงมาก 
ใบต้มแก้เจ็บท้องหรือท้องเสีย ตำให้ละเอียดใส่แผล ลำต้น ใช้ทำฟืน และเยื่อใช้ทำกระดาษได
ชมพูพันธุ์ทิพย์ ทิ้งใบในฤดูหนาว ช่วงเดือพฤศจิกายน-มกราคม จะเห็นดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ร่วงหล่นกระจายอยู่รอบ ๆ ต้น งดงามพอ ๆ กับที่บานอยู่บนต้น หลังจากนั้นจะออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน ดอกออกเป็นช่อตามกิ่งก้าน ช่อละ 5-8 ดอก ดอกย่อยลักษณะคล้ายดอกผักบุ้งหรือปากแตร คือโคนดอกเป็นหลอดยาวปลายดอกบานออกเป็น 5 กลีบ กลีบดอกบาง ย่นเป็นจีบ ๆ และร่วงหล่นง่าย ดอกย่อยแต่ละดอกกว้างราว 8 เซนติเมตร ยาวราว 15 เซนติเมตร

วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เอ็นทรานซ์ 4.0

เป็นการสอบระบบใหม่ ที่จะเริ่มใช้ในปี 2561 ซึ่งจะเปิดสอบ “พร้อมกันทั่วประเทศ” เพียงครั้งเดียวโดยใช้ข้อสอบกลาง (หากมหาวิทยาลัยไหนจะจัดสอบเองต้องขออนุญาตก่อน) และน้องๆ สามารถนำคะแนนที่ได้มายื่นสมัครเลือกคณะที่ต้องการได้ 4 อันดับ มีสิทธิ์ในการยื่น คะแนนตามระบบเคลียริ่งเฮาส์ 2 ครั้ง

ซึ่งกระบวนการตามระบบคือ

  1. นักเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 สอบปลายภาคเรียบร้อยแล้ว
  2. เปิดสอบ GAT PAT และ 9 วิชาสามัญ (สอบประมาณช่วงกลางมีนาคม 2561)
  3. นำคะแนนที่ได้ ไปยื่นเลือกคณะที่ต้องการ 4 อันดับ
  4. มหาวิทยาลัยคัดเลือกนักศึกษา ส่งชื่อเข้าระบบเคลียริ่ง #เคลียริ่งรอบที่1
  5. เปิดให้นักเรียนที่ไม่ติดคณะที่ต้องการ ในรอบแรก ยื่นคะแนนรอบที่2
  6. นักเรียนผ่านการคัดเลือก #เคลียริ่งรอบ2
ซึ่งระหว่างที่มีการสอบ ยื่นคะแนน และมหาวิทยาลัยทำการคัดเลือกอยู่นั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการจะไม่อนุญาตให้มหาวิทยาลัยเปิดสอบรับตรงใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อลดปัญหาเด็กต้องวิ่งสอบหลายสนาม รวมถึงลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
หากน้องๆ คือนักเรียนที่จะจบการศึกษาและเข้าสอบระบบเอนทรานซ์ 4.0 อย่าเพิ่งตกใจหรือหวั่นไหวกับระบบเอนทรานซ์ 4.0 มากไปเพราะ ระบบการสอบเปลี่ยน ไม่ได้แปลว่าการสอบจะลดน้อยลง แต่เป็นเพียง “การเลื่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกไป” จากเดิมต้องสอบช่วงเทอม2ของม. 6 เปลี่ยนเป็นสอบหลังจากจบม. 6

เมื่อระบบเปลี่ยน เราจะปรับตัวกันอย่างไรล่ะ?

ลองดู 6 สเต็ป แรกเริ่มรับมือเอนทรานซ์ 4.0 กันก่อนดีกว่าแล้วจะรู้ว่า “ยากเกินกว่าความพยายามของเรา ไม่มีจริง!”
  1. วางแผนการอ่านหนังสือให้ดี เพราะการสอบเอนทรานซ์ 4.0 ทำให้เรามีเวลาอ่านหนังสือมากขึ้น แต่อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะถ้านับวันเวลาตามจริง  เด็ก’61 จะมีเวลาเตรียมตัวสอบเข้า มหาวิทยาลัย นับจากนี้เพียง 1 ปีกว่าๆ เท่านั้น
  1. อัพเดทข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือได้ หรือคลิ๊ก Ondemand เพราะเราจะเก็บทุกข่าวสารสำคัญของวงการศึกษาไทย มาฝากน้องๆ อย่างสม่ำเสมอ
  1. เรื่องเรียนอย่าทิ้ง ทบทวน ทำคะแนนสอบในรั้วโรงเรียน ซิวเกรดสวยๆ มาครอบครองไว้ก่อน
  1. อย่าลืมค้นหาสถิติคะแนน คณะที่ตัวเองชื่นชอบมาตั้งเป็นมาตรฐานให้ตัวเองไว้ จะได้รู้ว่าเราต้องทำคะแนนสอบมากเท่าไหร่ ถึงมีโอกาสได้เข้าเรียนคณะที่ใฝ่ฝัน ในมหาวิทยาลัยที่ต้องการ
  1. ระบบเปลี่ยนไปแต่การสอบยังมีเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความพยายามของเราต้องx2 เพราะการสอบเอนทรานซ์ 4.0 “สอบครั้งเดียว” ไม่มีโอกาสแก้ตัวนะจ๊ะ!
  1. หมั่นหาสนามจำลอง เช่น การสอบ Mock Exam สนามสอบจำลอง ที่ให้น้องๆ ได้ทดลอง ทำข้อสอบระดับมาตรฐานภายในเวลาจำกัดได้คะแนนผลสอบจริง แถมได้สัมผัสบรรยากาศการสอบที่เหมือนการสอบจริงสุดๆ ฯลฯ การทดลองสอบบ่อยครั้ง จะช่วยให้น้องๆ ได้ทบทวนความรู้วัดความสามารถของตัวเอง และเป็นการฝึกใจให้พร้อมรับกับความกดดันขณะสอบจริงอีกด้วย