วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Vocabulary:Flowers




UP,DOWN,IN,OUT

UP,DOWN,IN,OUT










ข้าวของที่ใช้ในห้องเรียนค่ะ



ข้าวของที่ใช้ในห้องเรียนค่ะ
La calculette ลา กัลกูลแลต -เครื่องคิดเลข
Le cahier เลอ กาอิเย่ - สมุด
Le livre เลอ ลิฟเวรอะ - หนังสือ
Le taille-crayon เลอ ไตย เครยง -กบเหลาดินสอ
Le crayon เลอ เครยง - ดินสอ
Le feutre เลอ เฟอตเทรอะ - ปากกาเมจิค
Le stylo - ปากกา
La règle ลา แร้กเกลอะ - ไม้บรรทัด
La gomme ลา กอมเมอะ -ยางลบ
Les ciseaux เล ซิโซ - กรรไกร
Le surligneur เลอ ซุรลิญเญอ - มาร์กเกอร์
Le bâton de colle เลอ บาตง เดอ กอล - กาวแท่ง
La trousse ลา ทรุส - กระเป๋าดินสอ

Le sac à dos เลอ ซัค กา โด -กระเป๋าสะพาย

วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เปิดฉากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2016


             เปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อค่ำวานที่ผ่านมาสำหรับเทศกาลหนังสุดเก่าแก่ "cannes international film festival"  หรือเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ครั้งที่ 69 ซึ่งจัดขึ้นที่"เฟรนซ์ ริเวียร่า" ประเทศฝรั่งเศส นำมาโดยทีมงานจากภาพยนตร์เรื่อง "Cafe Society"  ผลงานการกำกับของ ผู้กำกับรุ่นเก๋า "Woody Allen"  ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามของเค้า ที่ได้รับเกียรติให้เป็นหนังฉายเปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยมาพร้อมกับเหล่านักแสดงนำระดับเอลิสต์ ไม่ว่าเป็นสองสาวสวยจากฮอลลีวู้ด “คริสเท่น สจ๊วต” และ “เบลค ไลฟ์ลีย์” รวมถึงนักแสดงหนุ่มหล่อ “เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก”
ส่วนใครที่รอชมการปรากฎตัวบนพรมแดงของเจ้าแม่แฟชั่นเมืองไทยอย่าง “ชมพู่ อารยา” ก็ไม่ผิดหวัง เพราะปีนี้พิเศษสุดๆ เธอได้อวดโฉมบนพรมแดงกันตั้งแต่วันแรก ด้วยลุคสวยหวาน ในเดรสเกาะอกสุดฟูฟ่องสีชมพู จาก "raph & russo"  กูตูร์ สปริง ซัมเมอร์ 2016 ที่มีดีไซน์โดดเด่น รับกับเมคอัพเผยผิวอมชมพูระเรื่อ ในสไตล์ dazzling temptation  ที่ทางเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังเป็นผู้เนรมิตให้ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเครื่องประดับชิ้นโต สร้อยคอจากแบรนด์หรู  chopard  ที่ช่างเข้ากันซะเหลือเกิน ซึ่งแม้ก่อนที่ "สาวชม" จะเริ่มเดิน จะมีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี และสิ่งที่ถือเป็นกิมมิค อีกอย่างนึงในปีนี้ก็คือ การที่คนดูจะได้ตามติดชมพู่ ราวกับได้ไปอยู่ในงานอย่างใกล้ชิด ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำ เฟซบุ๊คไลฟ์ ของเจ้าพ่อโซเชียล "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ที่ทำให้แฟนๆ ได้เห็นทุกอิริยาบถความสวยสะพรึงของ "ชมพู่" สดๆแบบเรียลไทม์ ที่มีการถ่ายทอดเป็นระยะๆ ตั้งแต่ตอนเมคอัพ , ขึ้นรถ , ยันเดินพรมแดงเสร็จ กันเลยทีเดียว  ซึ่งหลังจากที่เดินเฉิดฉายบนพรมแดงเสร็จเรียบร้อย "สาวชมพู่" ก็เผยความรู้สึกถึงโมเม้นท์สำคัญด้วย
โดย "ชมพู่ อารยา" มีคิวอวดโฉมบนพรมแดงอีก 2 ครั้ง คือในวันที่ 14 และ 15 พฤษภาคม ก็ต้องรอจับตาดูว่า 2 วันที่เหลือ เธอจะมาในลุคไหน แต่เชื่อว่าต้องสมฉายา "ควีน ออฟ คานส์" แน่ๆ 
นอกจากนั้นก็อย่าลืมให้กำลังใจนางเอกพันล้าน "ใหม่ ดาวิกา" ที่เตรียมแตะพรมแดงเป็นครั้งแรก ในฐานะเเบรนด์แอมบาสเดอร์ไอศกรีมชื่อดัง 
รวมถึงอีกหนึ่งนางเอกรุ่นใหญ่ "ติ๊ก กัญญารัตน์" ที่ก็เดินทางไปร่วมงานด้วยในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "เทค มี โฮม สุขสันต์วันกลับบ้าน"

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เยือนเมืองแห่งน้ำหอม แฟชั่น ศิลปะและขนมหวานสุดฮิตมาการอง

ปารีส (Paris)

          เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส มีความสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมทั้งของประเทศฝรั่งเศสและทวีปยุโรป

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

หอไอเฟล (Eiffel Tower)

ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสและปารีสเลยก็ว่าได้ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2432 โดยสถาปนิกชื่อดังของประเทศ กุสตาฟ ไอเฟล (Gustave Eiffel) เป็นจุดชมวิวเมืองชั้นเยี่ยม ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเยือนหอไอเฟลมากกว่า 60 ล้านคน

พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum)

พิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญและใหญ่โตในอันดับต้นๆ ของโลก เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุและโบราณวัตถุเกือบ 4 แสนชิ้น และเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีงานแสดงภาพวาดชื่อดังก้องโลก โมนาลิซ่า (Mona Lisa) และภาพเขียนล้ำค่าชื่อดังอีกมากมาย มากไปกว่านั้นก่อนที่จะกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เคยเป็นป้อมปราการเก่าที่ภายหลังได้มาสร้างเป็นพระราชวัง สถานที่เก็บสะสมและจัดแสดงสมบัติของพระมหากษัตริย์ และครั้งหนึ่งก็เป็นสถานที่จัดงานอภิเษกสมรสของพระเจ้านโปเลียนมหาราชอีกด้วย

พระราชวังแวร์ซายส์ (Versaille Palace)

พระราชวังหลวงที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ในระดับโลก และยังติดอันดับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ฝีมือมนุษย์สร้าง พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหมด ใช้เวลาการสร้างยาวนานถึง 30 ปี เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2231 ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงถึง 5 ร้อยล้านฟรังก์ ที่เก็บมาจากภาษีอากรของประชาชนจนทำให้เกิดความไม่พอใจและต่อต้านราชวงศ์ขึ้น และเป็นจุดจบของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) ปัจจุบันพระราชวังยังมีความสมบูรณ์สวยงามและเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชม

ถนนฌ็องเซลิเซ่และประตูชัยฝรั่งเศส (Champs Elysees and Arc de Triomphe)

สัญลักษณ์อีกอย่างของปารีสและฝรั่งเศส ประตูชัยของประเทศที่ตั้งอยู่บนถนนที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามและโด่งดังที่สุดของประเทศ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกถึงทหารหาญในอดีต อีกทั้งยังเป็นสุสานของทหารนิรนามที่ได้พลีชีพในการรบกับเยอรมันในยุคสมัยของพระเจ้านโปเลียน

กอลมาร์ *(Colmar)* ใกล้กับเมืองมัลเฮาส์ (Mulhouse)


           เมืองเล็กที่มีคูคลองสายน้ำพาดผ่านจนขึ้นชื่อว่าเป็น “ลิตเติ้ลเวนิซ” อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองโรแมนติกที่สุดในโลกอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งไร่ไวน์ชั้นดี มีความสวยงามด้วยธรรมชาติหุบเขาและไร่องุ่นอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีบรรยากาศเมืองเก่ายุโรปที่ยังคงอนุรักษ์อาคารบ้านเรือนสไตล์ดั้งเดิมไว้ให้คนรุ่นปัจจุบันได้ชื่นชม

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

โบสถ์เซนต์มาร์ติน (St Martin's Church)

โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีชมพูทั้งหลัง สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 1234-1365 ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกอลมาร์ มีสถาปัตยกรรมโกธิคที่สวยงามโอ่อ่า

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเอิงเตแลงดอง (*Unterlinden* Museum)

สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ภายในจัดแสดงงานศิลปกรรมภาพวาดของศิลปินชื่อดังมากมายในอดีต รวมไปทั้งชุดเกราะสมัยยุคอัศวิน เครื่องเงินโบราณล้ำค่า และงานด้านดนตรีพื้นเมืองที่น่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งข้อมูลการท่องเที่ยวชั้นดีประจำเมืองอีกด้วย

การ์ซง ดู แฟง (Gazon du Faing)
แหล่งชมธรรมชาติป่าเขาอันสวยงามเลื่องลืออยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกอลมาร์ราว 40 นาที เป็นเขตหุบเขาสูงที่มีความงดงาม มีทะเลสาบกลางหุบเขาขนาดใหญ่ และธารน้ำตกสูง ”รูด์แลง” (Rudlin Falls) ที่ตกลงมาจากหน้าผา เป็นแหล่งปีนเขายอดนิยมแห่งหนึ่งที่สามารถมาเยือนได้ตลอดปี
อาคารศุลกากรเก่าประจำเมือง (Old Custom House –Kofhus)

ถือเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญของเมืองที่มีการก่อสร้างอันยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1433-1480 เป็นสถานที่ราชการของเมืองนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 อาคารแห่งนี้ได้รับการบูรณะต่อเติมหลายครั้ง และถูกใช้เป็นทั้งสถานที่ราชการ โรงเรียน ธนาคารและในปัจจุบัน ได้รักษาไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

พิพิธภัณฑ์รถไฟจำลองและของเล่นโบราณ (Musee du Jouet et du Petit Train)

พิพิธภัณฑ์ในฝันของเด็กๆ และผู้ที่หลงใหลในของเล่นโบราณ จัดแสดงตุ๊กตา รถไฟไอน้ำ รถยนต์ เครื่องบิน และเรือของเล่นในอดีต

พิพิธภัณฑ์ บาร์โทลดี (Musee Bartholdi)
บ้านของศิลปินดังในอดีต ออกุสต์ บาร์โทลดี (Auguste Bartholdi) ผู้สร้างสรรค์รูปปั้นเทพีสันติภาพของอเมริกา (The Statue of Liberty) และสิงโตหินแห่งเบลฟอร์ด (Lion of Belfort) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่าของกอลมาร์ จัดแสดงคอลเลคชั่นงานศิลปะของศิลปินเจ้าของบ้านและของสะสมน่าสนใจต่างๆ รวมไปถึงโมเดลเทพีสันติภาพและสิงโตแห่งเบลฟอร์ด และห้องแสดงศิลปะชาวยิวโบราณอีกด้วย


นีซ (Nice)


          เมืองตากอากาศริมชายฝั่งแฟรนช์ริเวลล่า (French Riviera) ติดกับประเทศอิตาลี มีบรรยากาศผสมแบบเมดิเตอร์เรเนียนอันเป็นที่หลงใหลของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นอกจากจะมีชายหาดสวยงามอยู่ทั่วไปแล้ว เมืองนี้ยังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่อีกด้วย นีซเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมโบราณอันสวยงาม พิพิธภัณฑ์ แกลอรี่ ร้านค้า ที่ยังคงสภาพเมืองในอดีตไว้ ไม่นับรวมซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างที่สำคัญและสวยงามอีกหลายแห่ง

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

คาสเซิล ฮิลล์ (Castle Hill)
สวนสาธารณะบนเขายอดนิยม จุดชมวิวหลักของเมือง

จัตุรัสมาเซน่า (Place Massena)

จัตุรัสยอดนิยม แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ มีถนนสายช้อปปิ้ง สายแกลอรี่หลายเส้นที่แยกออกจากจัตุรัสแห่งนี้

โมนูม็อง เด มอรต์ (Monument des Morts)

อนุสรณ์ของเหล่าทหารที่สละชีพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย (Modern and Contemporary Art Museum - MAMAC)

สถานที่จัดแสดงประติมากรรมก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาดมหึมาชื่อดัง ลาเต็ตโอคาร์ (La Tete au Carre-Thinking inside the box)
โบสถ์เซนต์นิโคลัส (Cathedrale Orthodoxe Russe Saint-Nicolas de Nice)

โบสถ์รัสเซียโบราณที่อยู่คู่เมืองนี้มาช้านาน

อนุสาวรีย์ประจำเมือง (Le Monument du Centenaire)

อนุสาวรีย์ที่สร้างเมื่อครั้งฉลองครบรอบ 100 ปีของเมืองนี้ในปี ค.ศ. 1893
ย่านเมืองเก่านีซ (Le Vieux Niece)

แหล่งบ้านเมืองแบบเก่า มีสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมและพิพิธภัณฑ์ศิลปะมากมาย และยังเป็นแหล่งอาหารทะเลสดอร่อยยอดนิยมของเมืองอีกด้วย
ตลาดกูร์ ซาลียา (Cours Saleya)

ตลาดดอกไม้สดอันขึ้นชื่อ ชนิดที่ว่ามาเมืองนีซแล้วห้ามพลาดมาเยือนตลาดแห่งนี้ นอกจากจะมีดอกไม้ให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย แถบนี้ยังมีตลาดผลไม้สด เป็นย่านร้านอาหาร ร้านกาแฟ ตลาดของเก่าขึ้นชื่ออีกด้วย

ซิมิเย่ (Cimiez)
เป็นเขตที่พักอาศัยของเศรษฐีในเมืองนี้ อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง เช่น ซากปรักหักพังของอ่างอาบน้ำโรมันโบราณ (Archaeological museum-Roman baths) สวนกุหลาบ (Monastry Garden) โบสถ์โบราณและพิพิธภัณฑ์ฟรานซิสกัน (Franciscan Church and Museum)

ถนนเดส ซ็องเกรส์ (Promenade des Anglais)

ถนนเลียบชายหาดชื่อดังของเมืองที่ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา มีส่วนของบ้านเรือนริมเขาที่สร้างตั้งแต่ช่วงสมัยศตวรรษที่ 18 เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยม ไม่ว่าจะอาบแดดริมหาด เดินเล่นกินลม หรือจิบไวน์ ชิมอาหารทะเล ณ ร้านอาหารริมหาดมากมาย

กราสส์ (Grasse) ใกล้กับเมืองนีซ (Nice)


            เมืองแห่งการผลิตน้ำหอมของประเทศ หากนึกไม่ออกว่าเมืองนี้อยู่ตรงไหน ขอให้นึกถึงทุ่งดอกลาเวนเดอร์สวยงามกว้างใหญ่แห่งแคว้นโพรวองซ์ (Provence) ซึ่งเมืองกราสส์ก็เป็นเมืองๆ หนึ่งของแคว้นอันสวยงามนี้นั่นเอง ด้วยเหตุที่ว่าเมืองนี้เป็นแหล่งผลิตน้ำหอมชั้นดี ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีร้านขายน้ำหอมมากมายในเมือง และที่สำคัญการตกแต่งร้านของเมืองนี้เขามีเอกลักษณ์ความสวยงามโดดเด่นเป็นของตนเองแตกต่างจากร้านค้าในห้างสรรพสินค้าของเมืองหลวงอื่นๆ

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

โนเทรอดาม เดอ ปุย (Notre-Dame de Puy)

มหาวิหารเก่าแห่งลัทธิคาลอลิกประจำเมือง ตั้งอยู่บนหุบเขา มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่า และมีงานสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโบราณที่สวยงาม รวมไปถึงภาพเขียนอันวิจิตรทางด้านศาสนา เดอะวอชชิ่ง ออฟ เดอะ ฟีท (The Washing of the Feet) ที่วาดโดยศิลปินเอก ฌ็อง โอโนเร่ ฟราโกนาร์ (Jean-Honoré Fragonard)

โรงผลิตน้ำหอมฟราโกนาร์ (Fragonard-Glasse Perfume Factory)

โรงงานผลิตน้ำหอมอันเก่าแก่และมีชื่อเสียงประวัติความเป็นมาพร้อมๆ กับการสร้างเมือง ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง

พิพิธภัณฑ์ด้านสุคนธศาสตร์นานาชาติ (Musée International de la Parfumerie)

จัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมืองและความเป็นมาของการผลิตน้ำหอม ขั้นตอนการผลิตน้ำหอม รวมไปถึงสวนดอกไม้พันธุ์ต่างๆ ที่เป็นส่วนผสมหลักของน้ำหอมประจำเมือง และน้ำหอมชื่อดังที่ผลิตจากโรงงานในเมืองแห่งนี้ ชาแนล หมายเลข 5 (Chanel No.5)

หุบเขาสกลอสส์เบิร์ก (Schlossberg)

หุบเขาอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์พืชและดอกไม้นานาพันธุ์ที่นำมาใช้ในการผลิตน้ำหอม มีวิวทิวทัศน์สวยงาม

10 อันดับ ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก

10. Ethiopia เอธิโอเปีย
          เอธิโอเปียอยู่ในอันดับที่ 170 จาก 177 ของดัชนีประเทศยากจน ครึ่งหนึ่งของผลผลิตมวลรวมขึ้นอยู่กับภาคการเกษตร ผลผลิตในภาคการเกษตรที่ต่ำลงเพราะเทคนิคการเพราะปลูกที่ล้าสมัย และขึ้นอยู่กับฟ้าฝนด้วย 50% ของประชากร 74.7 ล้านคนมี ความยากจน 80% อาศัยอยูด้วยการรับแจกอาหาร ผู้ชายเพียง 47 % และผู้หญิง 31 % ที่สามารถอ่านออกเขียนได้ บางส่วนของเอธิโอเปียมีความเสี่ยงต่อ ตับอักเสบ A, ตับอักเสบ E, ไข้ไทรอยด์, มาลาเรีย, โรคพิษสุนัขบ้า, เยื่อหุ้มสมองอักเสบม และ schistosomiasis รายได้ต่อหัวต่อปี 700 เหรียญสหรัฐ

9. Niger ไนเจอร์

            ไนเจอร์มีประชากร 12.5 ล้านคนเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ฝนคือสาเหตุสำคัญใประเทศไนเจอร์ที่ทำให้เกิดสภาพการขาดแคลนอาหาร 63% ของประชากรมีความเป็นอยู่จากเงินที่ได้รับต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐต่อวัน ผู้ใหญ่สามารถ อ่านออกเขียนได้เพียง 15% ช่วงอายุของประชากรประมาณ 46 ปี ผู้คนส่วนมากเสียชีวิตจาก ตับอักเสบ A, ท้องร่วง, มาลาเรีย, ไข้สมองอักเสบ, และไข้ไทรอยด์รายได้ต่อหัวต่อปี 700 เหรียญสหรัฐ

8. Central African Republic สาธารณรัฐอัฟริกากลาง

              สาธารณรัฐอัฟริกากลาง อยู่ในลำดับที่ 171 ของประเทศยากจน เกษตรกรรมคือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจที่นี่ ช่วงอายุของประชากรประมาณ 43.46 - 43.62 ปี 13% ของประชากรมีความเสี่ยงกับการเป็นโรคเอดส์ รายได้ต่อหัวต่อปี 700 เหรียญ สหรัฐ

7. Guinea-Bissau กีนี บิสเซา

                 กีนี บิสเซา ประเทศยากจนอันดับที่ 172 การทำไร่และการประมงคือเสาหลักของเศรษฐกิจ รายได้ของประชากรไม่เท่ากันในแต่ละภาคส่วนของประเทศ ประมาณ 10% ของผู้ใหญ่มีความเสี่ยงต่อการเป็น HIV. รายได้ต่อหัวต่อปี 600 เหรียญสหรัฐ

6. Union of the Comoros สหภาพโคโมโรส

                 สหภาพโคโมโรส ประชากรที่ไม่มีงานทำมีอัตราส่วนที่สูง เป็นผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหภาพคอมอรอส และด้วยประชากรที่มีจำนวน 1000 คนต่อ ตร.กม. ในพื้นที่การเกษตร อาจเป็นผลทำให้สภาพแวดล้อมวิกฤติ ภาคการเกษตรส่งผลถึงผล ผลิตมวลรวมราว 40% ระดับการศึกษาที่ต่ำก็ส่งผลถึงระบบแรงงานด้วย ความเป็นอยู่ของผู้คนขึ้นอยู่กับเงินช่วยเหลือจากนานาชาติ.รายได้ต่อหัวต่อปี 600 เหรียญสหรัฐ

5. Republic of Somalia สาธารณรัฐโซมาเลีย


                สาธารณรัฐโซมาเลีย ภาคการเกษตรคือหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจของโซมาเลียที่อยู่ทางใต้ของแอฟริกา ประชากรที่กึ่งเร่ร่อน และเร่ร่อน เป็นกลุ่มผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ การเลี้ยงประศุสัตว์เป็นอาชีพหลักของพวกเขา อุตสาหกรรมทางการเกษตร ให้ผลผลิตมวลรวมเพียง 10% ของทั้งหมด รายได้ต่อหัวต่อปี 600 เหรียญสหรัฐ

4. The Solomon Islands หมู่เกาะโซโลมอน

            หมู่เกาะโซโลมอน เป็นประเทศใน เมละนีเซีย (อยู่ตอนเหนือของออสเตรเลียใกล้ฟิจิ...wicsir) เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการประมง กว่า 75% ของแรงงานจะเกี่ยวข้องกับการประมง ไม้คืออุตสาหกรรมหลักมาจนถึงปี 1998 น้ำมันปาล์กับมะพร้าวคือ ผลิตผลหลักในการส่งออก หมู่เกาะโซโลมอล มีแร่ธาตุมากมาย เช่น สังกะสี ตะกั่ว ทองคำ และนิเกิ้ลรายได้ต่อหัวต่อปี 600 เหรียญสหรัฐ

3. Republic of Zimbabwe สาธารณรัฐซิมบัพเว


               สาธารณรัฐซิมบัพเว ตั้งอยู่ระหว่าง แม่น้ำ Limpopo และ Zabezi ในอัฟริกาใต้ เศรษฐกิจที่หยุดชะงักและเสียหายเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น รวมไปถึงการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศด้วย ซิมบัพเวได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ของสาธรณรัฐประชาธิปไตยคองโกด้วย ผลจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจนี้ ทำให้อัตราการตกงานของประชากรสูงถึง 80%.รายได้ต่อหัวต่อปี 500 เหรียญสหรัฐ

2. Republic of Liberia สาธารณรัฐไลบีเรีย


            สาธารณรัฐไลบีเรีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอัฟริกา ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ของประเทศยากจนที่สุดในโลก เพราะการส่งออกพืชผลที่ลดลง, นักลงทุนหนีออกจากประเทศ, การแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ยุติธรรมจากทรัพยากรเพชรในประเทศ, ขโมย, และการค้ากำไรเกินควรในระหว่างสงครามกลางเมือง ในปี 1990 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดตัว ทำให้มีการกู้เงินจากต่างประเทศมีมากกว่าผลผลิตมวลรวม.รายได้ต่อหัวต่อปี 500 เหรียญสหรัฐ

1. Republic of the Congo สาธารณรัฐคองโก


              สาธารณรัฐคองโก ในอัฟริกากลางเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดของโลก เพราะการเสื่อมค่าของเงินแฟรงโซน, อัตราเงินเฟ้อในระดับสูงในปี 1994, ความวุ่นวายในสงครามกลางเมือง, การรบพุ่งอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่ตกต่ำในปี 1998 ได้ ทำลายเศรษฐกิจของประเทศลง.รายได้ต่อหัวต่อปี 300 เหรียญสหรัฐ











การบอกสัญชาติ


การบอกสัญชาติ
La nationalité

v.être (แอตเทรอะ) เป็น อยู่ คือ

allemande,e (อัลเลอมอง,มองเดอะ) เยอรมัน 
américain,e (อเมริแกง,แกนเนอะ) อเมริกัน
anglais,e (อองเกรม,แกรส) อังกฤษ
belge (เบลช์) เบลเยี่ยม 
brésilien,ne (เบรซฺลเลียง,เลียนเนอะ)บราซิล
chinois,e (ชีนัว, นวส) จีน
espagnol,e (เอสปาลญอล,ญอลเลอะ) สเปน
français,e (ฟรองเซ่,ฟรองแซส) ฝรั่งเศส
grec,greque (เกรก) กรีก
italien,ne (อิตาเลียง,เลียนเนอะ) อิตาเลียน
japonais,e (ชาโปเน่, แนส) ญี่ปุ่น
russe (รุส) รัสเซีย
suisse (ซูวิส) สวิส
thaïlandais,e (ไตลองเด , แดส) ไทย