วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Michelangelo

ไมเคิลแองเจโล Michelangelo

                 ไมเคิลแองเจโล หรือ มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บูโอนาร์โรตี ซีโมนี 

 (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni)

เป็นหนี่งในศิลปิน ในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ หรือ  ยุคเรเนอซองส์ Renaissance เป็นจิตรกร


สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลี  เกิดเมื่อ วันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1475  ที่หมู่บ้าน

คาเปรเซ (Caprese)เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสคานี  ประเทศอิตาลี

และได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1564 


ช่วงชีวิตของ ไมเคิลแองเจโล

- เกิด 6 มีนาคม ค.ศ. 1475

- เติบโตที่เมืองฟลอเรนซ์  คาเปรเซ เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสคานี  ประเทศอิตาลี

- บิดา ชื่อ Ludovico di Leonardo di Buonarotto Simoni เป็นเจ้าหน้าที่รัฐในหมู่บ้าน 

- มารดาชื่อ  Francesca di Neri del Miniato di Siena

- เมื่อไมเคิลมีอายุได้ 13 ปี พ่อเขาส่งเขาไปฝึกงานด้านศิลปะ กับพี่น้องเจอร์ลันดาร์จ 

- ไมเคิลแองเจโล สร้างประติมากรรมรูปเดวิดจากหินอ่อนตอนอายุ 26 ปี

- รูปปั้นเดวิด นั้นมาจากหินอ่อนก้อนมหึมาที่ถูกทิ้งไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์

- รูปปั้นเดวิด เป็นที่ฮือฮาของชาวเมืองเป็นอย่างมาก

- เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากจากผลงานชิ้นนี้

- ว่ากันว่าเขาไม่ชอบหน้า ทาง เลโอนาร์โด ดาวินชี่ ซักเท่าไหร่ทั้งๆที่อายุก็ห่างกัน


   20 กว่าปี

- อาการประมาณว่า เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ทั้งคู่ต่างมีความเก่งกาจ ที่หาตัวจับยาก


   ในยุคนั้น

- ในช่วงนี้ (ค.ศ. 1497 - ค.ศ. 1500) เขาก็ได้สร้างประติมากรรมหินอ่อนอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อว่า


   ปีเอตะ (Pieta)  ซึ่งปัจจุบันอยู่ในมหาวิหารนักบุญเปโตรที่กรุงโรม

- ปีเอตา ที่แปลว่า ความสงสาร คือหัวเรื่องของศิลปะในศาสนาคริสต์ที่เป็นรูปพระแม่มารีย์


   ประคองร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญ ลงจากกางเขน ส่วนใหญ่จะพบในงานประติมากรรม

- เขาได้ถูกเชิญให้กลับมาที่กรุงโรม เพื่อออกแบบหลุมฝังศพให้กับสมเด็จพระสันตะปาปา-


   จูเลียสที่ 2 เมื่อตอนอายุได้ 30 ปี

-  ค.ศ. 1546 เขาเป็นสถาปนิกคนสำคัญในการสร้างมหาวิหารนักบุญเปโตรที่กรุงโรม 

- มหาวิหารนักบุญเปโตร เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลก 

- เสียชีวิต 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1564 (88 ปี)


      ศิลปินที่มีความอัจฉริยะ ที่มีความรู้ 3 ศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของโลก เขาไม่เป็นเพียงผู้ที่เข้าถึง

แต่เพียงศาสตร์ด้านวิจิตรศิลป์ แต่เขายังเข้าถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม และ

ประติมากรรมอีกด้วยเขายังเป็นผู้สร้างประติมากรรมหินอ่อนชื่อกระฉ่อนโลกนามว่า เดวิด (David)

ผลงานชิ้นสำคัญของ ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo)
  
         โดยยุคสมัยที่งานศิลปะมีความงดงามยุคหนึ่งของโลกคือ ยุคเรอแนซ็องส์ (Renaissance) หรือยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ราวศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 16  ในยุคเรอแนซ็องส์มีการสร้างงานศิลปะชื่อดังและก้องโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น งานประติมากรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรม หรือแม้แต่ด้านวิทยาศาสตร์ ในด้านของงานศิลปะ มีผลงานชิ้นสำคัญมากมายโดยเฉพาะผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น ไมเคิลแองเจนโล (Michelangelo) ผู้สร้างผลงานอมตะทั้งในด้าน ประติมากรรม จิตรกรรม และสถาปัตยกรรม ซึ่งผลงานชิ้นสำคัญของเขามีดังต่อไปนี้

ภาพปีเอตะ(Pietà) ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร
งานประติมากรรมที่มีชื่อเสียงก้องโลกชิ้นหนึ่งชื่อว่า ปีเอตะ(Pietà) เป็นรูปสลักจากหินอ่อนบริสุทธิ์รูปพระแม่มาร์รีย์ประคองอุ้มร่างพระเยซูที่เพิ่งอัญเชิญลงจากไม้กางเขน   ซึ่งคำว่า ปีเอตะ(Pietà) ในภาษาอิตาลีมีความหมายว่า ความสงสาร  ผลงงานประติมากรรมดังกล่าวเป็นผลงานหนึ่งในชื้นเอกของ มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บูโอนาร์โรตี ซีโมนี  (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) หรือที่เรารู้จักกันในนาม ไมเคิลแองเจนโล  (Michelangelo)

โดยผลงานปีเอตะ(Pietà)  ถูกว่าจ้างโดยสำนักวาติกันแห่งกรุงโรม เพื่อให้มาประดิษฐานที่มหาวิหารนักบุญเปโตร   นอกจากผลงงานชื่อ ปีเอตะ (Pietà )แล้วนั้น  ไมเคิลแองเจนโลเองยังได้สร้างผลงงานชื่อก้องโลกที่เรารู้จักกันนาม รูปปั้นเดวิด(David) ซึ่งไมเคิลแองเจนโล สร้างรูปปั้นเดวิดจากหินก้อนขนาดมหึมาที่ถูกทิ้งร้างไว้กลางเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี   ทั้งทีผู้คนในเมืองต่างไม่กล้าไปยุ่งกับก้อนหินดังกล่าว หลังจากใช้เวลาถึง 3 ปีผลงานรูปสลักเดวิดก็เสร็จสมบูรณ์และเป็นที่กล่าวถึงไปทั่วอิตาลี ทำให้ไมเคิลแองเจนโลเป็นที่ร้จักในวงกว้างและมีงานว่าจ้างตามมาอีกมากมาย

รูปสลักเดวิด(David) Galleria dell'Accademia เมือง ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
เมื่ออายุได้ 30 ปี ไมเคิลแองเจนโล ถูกเชิญไปยังกรุงโรมเพื่อให้ออกแบบหลุมฝังพระศพของ สมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ซึ่งใช้เวลาถึง 40 ปี   หลังจากนั้นไมเคิลแองเจนโลได้แสดงอัจฉริยภาพทางการออกแบบ โดยการเป็นสถาปนิกคนสำคัญในการสร้างวิหารนักบุญเปโตร(Basilica of Saint Peter) รู้จักกันในนาม Basilica di San Pietro in Vaticano หรือ เซนต์ปีเตอร์สบาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) เป็นวิหารใหญ่และสำคัญที่สุดในนครวาติกัน   โดยจุดสูงสุดของโดมสามารถมองเห็นทัศนียภาพของกรุงโรมได้โดยรอบ สามารถจุคนได้ถึง 60,000 คน และยังเป็นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งวิหารนักบุญเปโตรถือเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของโลกเลยทีเดียว

มหาวิหารนักบุญเปโตรตอนกลางคืน
ในช่วงบั้นปลายชีวิตของไมเคิลแองเจนโลยังได้สร้างผลงานจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงมีชื่อว่า การตัดสินครั้งสุดท้าย (The Last Judgment) ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังบนเพดานของโบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel ceiling)  ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2  โดยเป็นที่ตั้งของห้องประชุมพระสันตะปาปาและสถานที่ที่ใช้ในการทำพิธีทางศาสนาของพระสันตะปาปาอีกด้วย การเขียนภาพจิตรกรรม การตัดสินครั้งสุดท้าย นั้นใช้เทคนิคที่เรียกว่า Fresco คือการวาดภาพลงบนผิวปูนเปียกเพื่อสีซึมลงไปในเนื้อปูนจะทำให้สีติดทนนานและไม่ร่อนออกมานั่นเอง โดยภาพ การตัดสินครั้งสุดท้าย ประกอบด้วยรูปภาพย่อยกว่า 400 รูปภาพ มีขนาด  48×44 ฟุต เลยทีเดียว

ภาพการตัดสินครั้งสุดท้าย ณ ชาเปลซิสติน นครรัฐวาติกัน
ไมเคิลแองเจนโลเสียชีวิตในปี 1564  ด้วยอายุ 90 ปี    มีคำกล่าวจากมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ว่า "ทรงยินดีบั่นทอนชีวิตของท่านลง เพื่อแลกกับชีวิตของมิเกลันเจโลให้ยืนยาวออกไปอีก"    แสดงให้เห็นว่าตลอดชั่วชีวิตของไมเคิลแองเจนโลนั้น ได้รังสรรค์ผลงานศิลปะที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาไว้มาก ไม่ว่าจะเป็น ประติมากรรม  สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ซึ่งต่างก็เป็นผลงานที่มีคุณค่าต่อมนุษยชาติมากมาย










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น